วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

หงส์แดง

            สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านทุกท่าน ในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาหลายท่านคงได้ติดตามชมการแข่งขันฟุตบอล กันอย่างจุใจ ทุกลีคชั้นนำ ของยุโรป กันแล้วนะครับ ผลการแข่งขันของแต่ละทีม อาจจะออกแบบถูกใจแฟนบอล ผิดหวังกันบ้าง

            เรื่องราวที่เราจะนำมาเป็นกล่าวถึงในครั้งนี้ ผมก็จะขอยกเรื่องความเคลื่อนไหวของลีกที่คนนิยมอันดับ 1 ทั่วโลก มาพูดถึงกัน นั่นก็คือ พรีเมียลีก ของประเทศอังกฤษ ซึ่งหลังจาก 12 นัดผ่านไป ทีมนำของตาราง ก็ยังเป็นเจ้าเก่าเจ้าเดิม นั่นก็คือ ทีม เชลซี ของกุนซือ มากฝีมือ อย่าง โจเซ่ มูรินโญ ที่รักษาอันดับได้อย่างเหนี่ยวแน่น ยากที่ทีมอื่น จะตามทัน ว่ากันว่า ฤดูกาล อาจเป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดของ ทีมเชลซี ถึงขั้นทำสถิติไร้พ่าย ได้ สาวกทีม หอยน้ำเงิน ก็ติดตามกันไปยาวๆ ว่าทีมรักจะทำสถิติได้หรือเปล่า
           

             สำหรับเรื่องราวที่ถือว่าเป็น เรื่องสำคัญสำหรับพรีเมียร์ลีก ในสัปดาห์นี้ ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องราว

ที่ผมนำมาเป็นชื่อเรื่องในบทความนี้ คือ เรื่องของทีม หงส์แดง ลิเวอร์พูล ซึ่งบุกไปพ่ายต่อ คริสตัล พา
เลซ คาถิ่น  อย่างหมดรูป 3 - 1 เป็นผลงานที่น่าผิดหวังอย่างมาก ทีมหงส์แดง ลงเตะมาแล้ว 12 นัด ผลงานไม่ดี อยู่อันดับที่ 12 ของตาราง มี 14 คะแนน ชนะ 4 เสมอ 2 และแพ้ไปแล้ว 6 นัด
รูปแบบการเล่นโดยรวมก็ไม่ดี จ่ายบอลพลาดบ่อย กองหลังเสียประตูง่าย กองหน้าทำประตูไม่ได้ เรียกว่าครบเครื่องของความย่ำแย่เลยที่เดียว ทำให้ ตัวผู้จัดการทีม อย่าง เบรเดน ร็อดเจอร์ส ต้องเก้าอี้ร้อนและมีสิทธิ์ที่จะตกงานในเร็ววันนี้ ซึ่งส่วนตัวผมเองคิดว่า นัดหน้าที่ลิเวอร์พูล จะต้องไปเตะฟุตบอลในรายการ ยูฟ่า แชมป์เปี่ยนลีก กับทีม ลูโดโกเรตนส์ ถ้าผลงานยังไม่ดีขึ้น คงจะเป็น ฟางเส้นสุดท้าย ระหว่าง เจ้าของทีม กับ กุนซืออย่าง ร็อดเจอร์ส แน่นอน สถานการณ์ของ ร็อดเจอร์ส ต้องบอกว่าหนักหนาสาหัสเหลือเกิน จะทำอะไรก็ต้องรีบทำแล้ว เพราะเวลาที่จะอยู่กับทีม ลิเวอร์พูล เหลือน้อยลงเต็มทีร็อดเจอร์ต้องทุ่มเทความกล้า ความรู้ความสามารถทั้งหมดที่มี  และปลุกเร้า จิตใจของนักเตะ ทุกคนให้กลับมาสู่เส้นทางที่ควรจะเป็นให้ได้  แฟนๆ ของทีมลิเวอร์พูล ก็คอยติดตามกันนะครับว่า สุดท้ายแล้วบทสรุป ของทีม จะเป็นอย่างไร เบรเดน ร็อดเจอร์ส ยังจะได้อยู่ในเก้าอี้ต่อไปหรือเปล่า ต้องค่อยติดตามกันครับ  27 พ.ย.57 วันชี้ชะตา  

ขอบคุณที่ติดตามครับ

                                








วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ผู้จัดการทีม

ผู้จัดการทีมนั้น เป็นบุคคลที่มีความสำคัญต่อทีมฟุตบอลมาก เพราะเป็นทั้งผู้ดูแลนักเตะ ผู้ดูแลการฝึกซ้อม ผู้ดูแลระเบียบวินัย และ วางแผนการเล่นให้กับนักฟุตบอล ทีมฟุตบอลที่ต้องการประสบความสำเร็จ จำนวนเป็นต้องมีผู้จัดการทีมที่เก่ง ในยุคนี้ผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จมาก นับได้ว่าเป็นอับดับต้นๆ ของโลกมีอยู่มีอยู่มากมาย บทความนี้เราจึงจะมาจัดอันดับ ผู้จัดการทีม ที่ประสบสำเร็จมากที่สุดกัน
10 อันดับ เรามาไล่เรียงกันไปเลยครับ

อันดับ 10. ฟาบิโอ คาเปลโล (เอซี มิลาน, ยูเวนตุส, เรอัล มาดริด) 

: 16 แชมป์เมเจอร์ กับ 15 ปีในการคุมทีมระดับสโมสรคว้าแชมป์ลีกได้ถึง 9 ครั้งและพา เอซี มิลาน คว้าแชมป์ยูโรเปียนได้ในปี 1994 *โดนริบแชมป์กัลโชเซเรียอาร์ 2 สมัย 


อันดับ 9. แอร์นส์ท ฮัปเปิ้ล (Ernst Happel) (เฟเยนนูร์ด, คลับ บรูจจ์, ฮัมบูร์ก) 

: 17 แชมป์เมเจอร์ ตลอดการเป็นกุนซือ 30 ปี สามารถคว้าแชมป์ลีกได้ถึง 8 ครั้งและแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพได้อีก 2 ครั้ง กับ 2 สโมสร 





อันดับ 8. บ็อบ เพลสลี่ย์ (ลิเวอร์พูล) 

: 18 แชมป์เมเจอร์ สุดยอดกุนชือขึ้นหิ้งของ ลิเวอร์พูล และเป็นเพียงกุนซือคนเดียวที่พา ลิเวอร์พูล ได้แชมป์ ยูโรเปี้ยนส์ คัพ 3 สมัย 




อันดับ 7. โชเซ่ มูรินโญ่ (ปอร์โต้, เชลซี, อินเตอร์ มิลาน, เรอัล มาดริด) 

: 18 แชมป์เมเจอร์ อีกหนึ่งกุนซือระดับโลกที่ปัจุบันยังเดินหน้าหาควาสำเร็จ สามารถคว้าแชมป์ลีกได้กับ 4 ประเทศ โปรตุเกส, อังกฤษ, อิตาลี และสเปน 





อันดับ 6. หลุยส์ ฟาน กัล (อาแจ็กซ์, บาร์เซโลน่า, อาแซด อัลค์มาร์, บาร์เยิร์น มิวนิค) 
: 19 แชมป์เมเจอร์ หนึ่งกุนซือที่นำแทคติกการเล่นสมัยใหม่เข้ามาสู่สังเวียนสนามหญ้าให้กับทีม บาร์เซโลน่าและบาเยิร์น มิวนิค 




อันดับ 5. วอล์เตอร์ สมิธ (แรนเจอร์ส) 
: 22 แชมป์เมเจอร์ กุนซือที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติสโมสรแรสเจอร์ส สามรถพา แรนเจอร์ส คว้าแชมป์ลีกติดต่อกันสูงสุดถึง 7 สมัยซ้อน 






อันดับ 4. จิโอวานี่ ตราปัตโตนี่ (เอซี มิลาน, ยูเวนตุส, อินเตอร์ มิลาน, บาเยิร์น มิวนิค) 
: 22 แชปม์เมเจอร์ ผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอิตาลี พร้อมกับคว้าแชมป์ทุกถ้วยของยูฟ่า 






อันดับ 3. อ็อตมาร์ ฮิตซ์เฟลด์ (บาเยิร์น มิวนิค, ดอร์ทมุนด์) 
25 แชมป์เมเจอร์ ถูกยกให้เป็นกุนซือที่ดีที่สุดตลอดของวงการฟุตบอลเยอรมัน กวาดแชมป์มามากมายพา ดอร์ทมุนด์ และ บาเยิร์น มิวนิค คว้าแชมป์ยุโรปมาแล้วทั้งสิ้น 






อันดับ 2. จอค สไตน์ (เซลติก) 
เป็นกุนซือชาวอังกฤษคนแรกที่สามารถคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ สำเร็จ ก่อนจะพา เซลติก กวาดแชมป์ สก็อตติช 9 สมัย และแชมป์ลีกอีก 15 สมัย







อันดับ 1 . เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน (อาเบอร์ดีน, แมนฯ ยูไนเต็ด) 
: 49 แชมป์เมเจอร์ อีกหนึ่งกุนซือที่คุมทีมยาวนานที่สุดในโลก เซอร์ อเล็กซ์ สามารถพาต้นสังกัดกวาดแชมป์ได้มาถึง 49 ใบและนั่นคือสิ่งที่การันตีได้อย่างดีเยี่ยมว่า เซอร์ อเล็กซ์ คือกุนซือที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก 




ทั้ง 10 ท่านนี่คือสุดยอดกุนซือ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน หลายท่านผู้เขียนเกิดทันและรู้จัก แต่อีกหลายท่านก็ไม่รู้จัก และหารูปถ่ายยากพอสมควร แม้แต่กูเกิล สุดยอด ของเครื่องมือค้นหา ยังงงและหาไม่ค่อยเจอครับ หวังว่าท่านผู้อ่านคงได้รับความรู้ ความเพลิดเพลินกันพอสมควรนะครับ ท้ายบทความผมก็ขอฝากวิดีโอ แห่งความสำเร็จ ของ บรมกุนซือ ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ให้ติดตามชมกันครับ

ปล. ข้อมูลเหล่านี้ต้องยก เครดิตให้กับ เวปไซต์ mthai.com ครับ ผมเองได้เพิ่มเติมลงไปบางส่วน 
ถ้าชอบบทความช่วยกดไลค์ ให้ด้วยละกันนะครับ 


             

วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ฟุตบอลโลก กลุ่ม c

           คงได้ข้อสรุปกันไปแล้วนะครับ สำหรับเกมของ กลุ่ม B ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ สเปนแชมป์เก่าก็กอดคอ ออสเตเรีย ตกรอบแรกไปแล้ว ด้วยผลการแข่งขัน  ออสเตเรีย 2 เนเธอร์แลนด์ 3 และ สเปน 0 ชิลี 2 จากผลต่างประตูได้เสีย เนเธอร์แลนด์ก็เป็นที่ 1 ในสายตามด้วย ชิลี สำหรับผมแล้วไม่แปลกใจเลยที่สเปนจะตกรอบ เพราะนัดแรกแพ้แบบหมอไม่รับเย็บ ในขณะที่ชิลี ชนะมา เมื่อทั้งสองทีมมาเจอกัน ชิลีหย่อมได้เปรียบในด้านจิตใจและความหึกเหิม และทั้งสองทีมมีสไตล์การเล่นที่คล้ายกัน คือเน้นการบุกเป็นหลักรับเป็นรอง อยู่ที่ว่าใครจะมีความเฉียบคมมากกว่ากัน ประกอบกับความมั่นใจของเกมรับและผู้รักษาประตู ในเกมนี้ กองหลังสเปนก็ยังดูแกว่งๆอยู่ และกาซิยาส ก็ยังมีจังหวะที่ออกมาผิดพลาด้ให้เห็น ผลก็เลยออกมาอยากที่ทราบ กัน สำหรับแฟนบอลสเปน ไม่ต้องเสียใจไป โดยเฉพาะคุณตัน ยังมีฟุตบอลโลกให้ได้เชียร์กันอีกหลายครั้ง มาพูดถึงเกมในวันนี้ ในกลุ่ม C กันบ้างครับ
          ขอโฟกัสไปที่ คู่ของ อังกฤษ กับ อุรุกวัย ครับ ซึ่งถือว่าเป็นบิ๊กแมตซ์ในค่ำคืนนี้ครับ ทั้งสองทีมแพ้มาทั้งคู่ สถานณ์การจึงต้องดิ้นรนอย่างสุดชีวิต ถ้าไม่อยากตกรอบเหมือนสเปน มาดูผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามในวันนี้(่จริงต้องเป็นวันพรุ่งนี้ )
       

อุรกวัย มาในระบบการเล่น 4-4-2

เป็นแผนการเล่นที่ใช้มานาน หน้าคู่ ซัวเรส กับ คาวานี่ ถือว่าเป็นศูนย์ระดับโลกทั้งคู่ มีสไตล์การเล่นที่ต่างกันคนหนึ่งเล่นลูกบนพื้นได้ดี คนหนึ่งเล่นลูกกลางอากาศได้ดีและเป็นศูนย์ที่มีทักษะการยิงที่ยอดเยี่ยม อุรุกวัยมาในระบบนี้ก็คงรู้กันอยู่แล้วว่าเน้นการเดินเกมทางปีกทั้งสองข้าง แล้วครอสบอลเข้ากลางเพื่อให้ คาวานี่ และ ซัวเรซ เล่นซึ่งทั้งสองคนสามารถที่จะเก็บบอลและครองได้ดี  ซัวเรช คงจะถ่างออกไปเล่นแถวริมเส้นมากกว่าอยู่ตรงกลาง แล้วให้ คาวานี่ยื่นหน้าเป้า อุรุกวัยคงจะเน้นเจาะทางด้านปีกซ้าย ซึ่งมี่ จอห์นสัน ที่เล่นเกมรับได้ไม่ดีเท่าไหร่ การเล่นของอุรุกวัยคงจะเน้นการโยนยาวโดยปกติจะไม่เห็นจากฟุตบอลสไตล์อเมริกาใต้ เพราะถ้าเน้นการต่อบอลทำชิ่ง คงสู้แดนกลางของอังกฤษไม่ได้ อุรุกวัยได้ซัวเรซกลับมาก็เหมือนได้ หัวใจคืนมา สภาพจิตใจนักเตะภายในทีมคงจะดีกว่านัดแรกแน่นอน อังกฤษ คงต้องเจองานหนักแน่สำหรับนัดนี้ อังกฤษคงต้องสละอย่างน้อย 1 ตัวเพื่อตามประกบซัวเรส อุรุกวัยทำได้ไม่ดีในการพบกับ คอสตาริก้า ซึ่งเป็นทีมที่หลายคนคิดว่าน่าจะตกรอบแรก เพราะถ้าเทียบตัวผู้เล่นแล้วสู่อีกสามทีมไม่ได้เลย อุรุกวัยใช้การคุมพื้นที่มากกว่าการประกบตัวผู้เล่น ผู้เล่นคอสตาริกา จึงมีอิสระ สามารถวิ่งหาช่องได้เป็นเหตุให้เสียประตู เกมรับอุรุกวัยยังมีปัญหา กองหลังขาดความแน่นอนในการเล่น

อังกฤษ  ในระบบการเล่น 4-2-3-1 เหมือนนัดแรก

อังกฤษตกอยู่ในสถานณ์เดียวกันกับอุรุกวัย ต่างกันตรงที่ นัดสุดท้าย พบกับ คอสตาริก้า ซึ่งโดยรวมแล้วถือว่าเบากว่า อุรุกวัยที่ต้องเจอกับ อิตาลี เกมในนัดนี้จึงมีอยู่สองทางเลือกก็คือ เล่นให้รัดกุมแล้วสวนกลับเร็ว หรือ บุกแลกกับอุรุกวัยไปเลย แต่ผมคิดว่า ปู่รอย คงเลือกที่จะเล่นให้รัดกุมและสวนกลับมากกว่า เพราะว่าทีมชุดนี่มีนักเตะที่มีความเร็วหลายตัว สเตอริ่ง รูนีย์ และ สเตอร์ริด คุ่หูแดนหน้าของ ซัวเรส เกมวันนี้คงได้เห็นการวัดกันระหว่าง ริด กับ เรส ศูนย์หน้าลิเวอร์พูล ว่าใครจะคมกว่ากัน
อังกฤษคงจะเน้นการครองบอลและหาโอกาสวางบอลยาวหรือแทงทุลุช่องให้ ศูนย์หน้าหรือปีกที่มีความเร็ววิ่งไปเอาบอลเหมือนกับที่ได้ประตูตีเสมออิตาลี วันนี้แบ็กทั้งสองข้างคงจะไม่ขึ้นเติ่มเกมรุกมากเท่าไหร่ ในนัดแรกอังกฤษเล่นกับอิตาลีได้ดี ผลการแข่งขันน่าจะออกมาเสมอมากกว่าแพ้ มีแต่จังหวะการทำประตูเท่านั้นที่ยังไม่เฉียบคมพอ วันนี้คิดว่านักเตะของอังกฤษทุกคนคงจะเค้นศักยภาพของตัวเองออกมาให้ได้ เพราะอังกฤษไม่เคยประสบความสำเร็จในฟุตบอลทัวนาเมนต์ใหญ่มานาน เพราะฉนั้นทั้งเตะทุกคนต้องทุมเทอย่างเต็มที่ถ้าหวังที่จะไปต่อ ที่เด็ดหรือตัวเปลี่ยนเกมน่าจะหนีไม่พ้น เจ้าหนู สเตอริ่ง ที่ดูโดดเด่นเหลือเกินในเวลานี้ เรียกได้ว่าฝีเท้าเกินตัวและอายุไม่ใช้ปัญหาเลยสำหรับเขา

บทสรุป

   อังกฤษภาษีดีกว่า เนื่องจากมีผู้เล่นที่มีความเร็วสูงหลายคน ถ้ามีการจ่ายทะลุช่องที่มีประสิทธิภาพไม่ว่าจะเป็น สตีเวน หรือ จอร์แดน น่าจะทำประตูได้  ผลที่ออกมาอังกฤษน่าจะเอาชนะได้



        



       

ทัศนะฟุตบอลโลก วันนี้ โดย pairoj13

        ได้ดูกูรูด้านฟุตบอลหลายท่านแสดงทัศนะก่อนเกมการแข่งขันในหลายคู่ของฟุตบอลโลกปีนี้ บอกได้เลยว่าขัดกับความรู้สึกและทัศนะของตัวเอง ก็เลยนึกที่จะอยากออกมาแสดงทัศนะกับเขาบ้าง ลองดูสิว่าความเห็นของใครที่จะถูกต้องแม่นยำกว่ากัน ไม่ได้ต่อต้านพวกท่านเหล่านั้นนะครับแต่แค่คิดต่างจากพวกท่านเท่านั้นเอง

        เริ่มเลย คู่แรกวันนี้เวลา 5 ทุ่มตรง   ออสเตเรีย  พบกับ  เนเธอร์แลนด์   ออสเตเรียเล่นในวันนี้คงเล่นแบบไม่มีอะไรจะเสีย เพราะนัดแรกไปพลาดท่าแพ้ให้กับชิลี 3 ประตู ต่อ 1
ทำให้สถานณ์ไม่มีทางเลือกต้องเอาชนะสถานเดียวถ้าหวังที่จะเข้ารอบ 16 ทีม ซึ่งเป็นงานหนักมากๆเมื่อต้องมาเจอกับ เนเธอร์แลนด์ ซึ่งนัดแรกเอาชนะแชมป์เก่าอย่างสเปนมาได้แบบถล่มทลายเขาพระสุเมรุ คาดว่าการเล่นในวันนี้ของออสเตเรียคงต้องแล่นบีบพื้นที่ และการเข้าปะทะที่หนักหน่วงเพื่อขู่ให้ เนเธอร์ไม่กล้าที่จะเลี้ยงหรือเก็บบอลไว้ที่ตัว ถ้าเทียบตัวผู้เล่นแล้วเนเธอร์แลนด์เหนือกว่ามาก โดยเฉพาะ อาเยน รอบเบน ซึ่งต้องบอกว่าเล่นได้ดีที่สุดในเวลานี้ก็คงจะไม่ผิด การกระซากลากเลื้อยและการยิงประตูที่เฉียบคม เป็นอาวุธสำคัญของเนเธอร์แลนด์ ผู้เล่นของออสเตเรีย ที่มีดีกรีหน่อยก็คงจะเป็น ทิม เคฮิล และ ยาดินัก  ที่ดูโดดเด่นในการเล่นนัดแรก แต่จะต้านทานความเร็วของรอบเบน ได้หรือเปล่า กอปด้วยทีมชุดนี้ของออสเตเรีย เป็นทีมที่สร้างขึ้นใหม่มีนักเตะใหม่หลายคน ยังไม่มีประสบการณ์ในทัวนาเมนต์ใหญ่ ถ้าโดนเกมรุกของเนเธอแลนด์บดขยี้มากๆคงต้านไม่ไหว  แต่ออสเตเรียก็มีอาวุธสำคัญคือลูกกลางอากาศ และลูกนิ่งต่างๆ ซึ่งมี ทิม เคฮิล ที่เล่นลูกกลางอากาศได้ดี ไม่ว่าลูกบอลจะมาแบบไหนเขาสามารถเล่นได้หมด และได้โหม่งทุกครั้งที่เืพื่อนโยนบอลมาให้ ถ้าออสเตเรียจะชนะได้ต้องมีเกมรับที่เหนียวแน่และมีเกมรุกที่สวนกลับที่มีประสิทธิภาพ การเล่นลูกนิ่งต่างๆ ต้องมีความละเอียด
ความเห็น
     ถ้าเนเธอแลนด์ ได้ประตูขึ้นนำเร็ว มีสิทธิ์ ที่ออสเตเรียจะแพ้ด้วยสกอร์ที่ถล่มทลายเหมือนสเปน กลับกันถ้าออสเตเรียต้านเกมรุกของ เนเธอร์แลนด์ได้จนถึงปลายครึ่งหลังอาจจะมีบิ๊กเซอร์ไพร ด้วย้ที่เด็ดของเคฮิลล์ ก็เป็นได้ สรุปโดยรวมแล้ว   คิดว่า เนเธอร์แลนด็น่าจะเบียดเอาชนะได้