วันพุธที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

แบบไหนน่าภูมิใจกว่ากัน

       จบไปเรียบร้อยแล้วนะครับ สำหรับการแข่งขัน ฟุตบอลลีกต่างๆในยุโรป รวมถึงฟุตบอลถ้วยในประเทศ และ ถ้วยยุโรปถ้วยเล็ก คงเหลือ แต่ ถ้วย หูใหญ่ ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก ใบเดียวที่ยังไม่จบ ก็ขออนุญาต
:
สรุปให้ดังนี้นะครับ
:
ฟุตบอลลีก
พรีเมียร์ลีก      อังกฤษ       แชมป์           เชลซี
ลาลีกา            สเปน              "           รีล มาดริด
บุนเดส ลีกา    เยอรมัน          "           บาเยิร์น มิวนิค
กัลโซ่ ซีรี่ อา   อิตาลี             "              ยูเวนตุส
ลีกเอิง             ฝรั่งเศา          "             โมนาโก
:
ฟุตบอลถ้วย
FA Cup                     อังกฤษ          แชมป์       อาร์เซนอล
โก ปา เดอร์ เร           สเปน             แชมป์       บาร์เซโลน่า
เด เอฟ เบ โพคาล    เยอรมัน                แชมป์       ดอร์ทมุน
โคปปา อิตาเลีย        อิตาลี                 แชมป์       ยูเวนตุส
เฟร์น ลีก คัพ           ฝรั่งเศส               แชมป์        PSG ปารีสแซ็ง-แฌร์แม็ง
:
ยูโรป้า  ลีก        แชมป์   แมนเชสเตอร์  ยูไนเต็ด
:
ยูฟ่า แชมป์เปี้ยน ลีก ( ยังไม่ได้แข่งขัน )
:

ดูจากรายชื่อทีมแชมป์ ที่ประสบความสำเร็จ ในฤดูกาล 2015-2016 นี้ก็ไม่ได้เกินความคาดหมายอะไรนัก
แต่ละทีม ล้วนเป็นทีม ที่พวกเราคงเคยเห็นจนชินตา ทีมเหล่านี้เป็นทีมที่มีศักยภาพ และงบประมาณมหาศาลในการทำทีมอยู่แล้ว ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาจะคว้าแชมป์ แต่ประเด็นที่เราจะมาพูดถึงกันในบทความนี้ ผมจะเน้นไปในเรื่องของนโยบายการทำทีม ของ แต่ละทีม ซึ่งมีรูปแบบในการทำทีมที่แตกต่างกัน ความสำเร็จที่หอมหวน คือสิ่งที่ทุกทีมปราถนา แต่เส้นทางไปสู่เส้นชัยนั้น มันไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ แต่ละทีมจึงหาวิธีการที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งผมขอแบ่งเป็น 2 แนวทาง คือ

แนวทางที่ 1 สร้างทีมจากเงิน
:
ทีมที่รวยกว่า ย่อมได้เปรียบทีมคู่แข่ง นโยบายการสร้างทีม จึงเน้นไปที่ความสำเร็จแบบรวดเร็ว ทันตาเห็น เหมือน เสกได้  ใช้เงิน เพื่อแลก กับ เวลา ด้วยการนำเข้านักเตะระดับท๊อปของวงการให้มาอยู่ในทีมมากที่สุด เพื่อยกระดับทีมให้ประสบความสำเร็จให้เร็วที่สุด ทีมแบบนี้ ก็ได้แก่ รีล มาดริด ,บาร์เยิร์น        มิวนิค ,เชลซี และ PSG  ที่ไม่ได้แชมป์ ก็มี  เช่น แมน ซิตี้ ,แมนยู (สมัยนี้นะ) การใช้เงินแบบจำนวนมหาศาลแบบฟุ่มเฟือย เกินความจำเป็นของทีมเหล่านี้ ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อในตลาดนักเตะ ของวงการฟุตบอล ในปัจจุบัน ซื่งเราจะเห็นว่า นักเตะเดี๋ยวมีมีราคาที่แพงมากๆ
:
นโยบาย การใช้เงิน ซื้อ ความสำเร็จ แบบนี้ ผมมองว่า มันเป็นความสำเร็จที่ไม่ยั่งยืน เพราะความสำเร็จเกิดจากเม็ดเงินที่ทุ่มลงไปในตลาด การเล่นในสงครามแห่งราคานั้น ไม่ได้ง่ายเลย เพราะมันจะต้องแข่งขันอยู่ตลอดเวลา ไม่สามารถที่จะถอยออกมาได้ วันใดที่คุณถอย คือ วันที่คุณแพ้ การแข่งขันในทะเลแดง ตามความหมาย ของนักการตลาด นั้น เป็นสิ่งที่ควรจะหลีกเลี่ยงเป็นอย่างมาก เพราะการเล่นอยู่ในสงครามราคา มันคือการ รอวันตาย และจะไม่มีใครชนะ
:
แนวทางที่ 2 สร้างทีมระบบบริหารจัดการ
:
ทีมในกลุ่มนี้จะเน้นสร้างทีมจากการพัฒนาในระบบเยาวชน ของสโมสร เป็นหลัก ซื้อตัวนักเตะมาเสริมทีมบ้าง แต่ก็ไม่ได้มากมาย ตัวอย่างทีมที่ประสบความสำเร็จจากนโยบายแบบนี้ ก็มี บาร์เซโลน่า ,อาร์เซน่อล และ ดอร์ทมุน เราจะเห็นทีมเหล่านี้ มีนักเตะเยาวชนหน้าใหม่ๆ มาเล่นในทีมอยู่เรื่อยๆ ความสำเร็จของทีมกลุ่มนี้ จะเป็นความสำเร็จที่ยั่งยืน และ น่าภาคภูมิใจ กว่าทีมในกลุ่มแรก  เพราะสร้างทีมจากระบบการบริหารจัดการ ไม่ต้องเหนื่อยไปต่อสู้ในสงครามราคากับใคร มันอาจจะใช้เวลาในการบ่มเพาะเมล็ดพันธ์บ้าง แต่มันก็คุ้มค่าสำหรับการรอคอย การประสบความสำเร็จในรูปแบบนี้ จะมีความต่อเนื่องและยาวนาน เหมือนอย่าง ทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคที่ ท่านเซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสัน ทำทีมแรกๆ การปุกปั้น นักเตะ อย่าง เดวิด แบ็คแคม, พอล สโกว์ และ ไรอัน กิ๊ก  และ ซื้อตัว มาเสริมในจุดที่ขาดหาย อย่าง รอย คีน ,เอริด คันโตน่า ,ปีเตอร์  ชไมเคิล มาเสริม ทำให้ ทีม ปีศาจแดง ครองความยิ่งใหญ่ ได้อย่างยาวนาน การสร้างทีมด้วยเวลา ทำให้นักเตะ เกิดความผูกพันธ์ ความเข้าใจซื่งกันและกัน จึงส่งผลทำให้ทีมประสบความสำเร็จ ในแบบที่ต้องการ

ทั้ง 2 แนวทางนี้ มีเป้าหมายเดียวกัน คือ ความสำเร็จ แต่ใน ความสำเร็จ นั้น ย่อมมีเรื่องราว และ ที่มา เสมอ อยู่ที่ว่า เราจะใช้อะไรเป็นตัววัดค่า ของมัน  หาก "ความภาคภูมิใจ" คือ สิ่งที่เราต้องการ มันก็คุ้มค่าที่จะรอคอย จริงมั้ยครับ

#Pairoj13
#ขอบคุณที่ติดตาม  








ไม่มีความคิดเห็น: