วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558

แซมบ้า ขาลง

              ก่อนอื่นต้องขอกล่าวคำว่า สวัสดีครับ วันจันทร์ วันทำงานของหลายๆ คน วันนี้อาจเป็นวันที่หลายคนไม่อยากให้มาถึงเลย เพราะขี้เกียจลุกจากที่นอนเหลือเกิน หลังจากที่ได้พักผ่อนมาเต็มๆ สองวัน หรือบางคนอาจจะวันเดียว ก็ต้องกลับมาทำงานกันอีกแล้ว ผมขอเป็นกำลังใจให้สำหรับคนที่สู้ชีวิตกันทุกคนละกันนะครับ เมื่อชีวิตยังไม่สิ้น ก็ต้องดิ้นกันไป ครับ อย่ายอมแพ้


               มาว่ากันถึงเรื่องฟุตบอลกันบ้่างครับอย่างที่ผมได้ขึ้นหัวเรื่องไว้ หลายคนคงได้ทราบข่าวผลการแข่งขันในศึก ฟุตบอล โคปา อเมริกา ในรอบ 8 ทีม สุดท้าย หรือ รอบก่อนรองชนะเลิศ ระหว่าง ทีมเต็ง 2 อย่าง ทีมชาติ บราซิล กับ ทีมชาติ ปารากวัย แล้วว่า ทีมชาติ บราซิล ต้องจอดป้ายแค่รอบนี้ หลังแพ้การดวลลูกยิงที่จุดโทษ ให้กับ ทีมชาติ ปารากวัย  จากที่เสมอกันในเวลา 90 นาที ด้วยผล 1 : 1 โดยบราซิลขึ้นนำก่อนด้วยการยิงของ โรบินโญ่ ซุปตาร์จากซานโตส  แต่ ปารากวัย ก็มาตีเสมอได้ในช่วงท้ายเกม จบ 90 นาที ต้องดวลจุดโทษตัดสิน โดยฟุตบอลรายการนี้ ไม่มีการต่อเวลาพิเศษ ผลปรากฎว่า ปารากวัย แม่นโทษกว่า เฉือนเอาชนะ บราซิลไปได้ ด้วบผลประตู 4 ประตู ต่อ 3 เข้ารอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ ส่วนจะได้พบกับทีมไหน ต้องคอยติดตามกันต่อไป
               แฟนบอล บราซิล ผมเชื่อว่ามีทั่วโลก ต้องผิดหวังกันอีกครั้ง ที่เห็นความล้มเหลวของทีม ที่เต็มไปด้วย ซุปเปอร์สตาร์  มากมาย พลาดท่าแพ้ให้กับทีมที่มีนักเตะที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก หลังจากที่ต้องผิดหวังในฟุตบอลโลก 2014 ที่ทำได้เพียงแค่ที่ 4 จากที่หมายมั่นว่าจะเป็นแชมป์ ภายใต้การนำของ



 "บิ๊กฟิล"  หลุย ฟิลิเป้ สโกลาลี่ แถมยังสร้างสถิติที่ไม่น่าจดจำ ด้วยการพ่ายแพ้ แบบหมดสภาพจนไม่เหลือศักดิ์ศรีของทีมแชมป์โลก 5 สมัย ให้กับ เยอรมัน ในรอบรองชนะเลิศ ด้วยผล 7 : 1 จนต้องไปชิงอันดับ 3 กับ เนเธอร์แลนด์ หวังจะกู้หน้าเจ้าภาพ และเป็นรางวัลปลอบใจให้กับแฟนบอล แต่ฟอร์มการเล่นกลับไม่กระเตือง จนแพ้ให้กับ เนเธอร์แลนด์ ถึง 0 : 3 ส่งผลให้บิ๊กฟิล ต้องสละเก้าอี้ เหตุผลหลักที่ทำให้ทีมของบิ๊กฟิล ไม่ประสบความสำเร็จเกิดมาจากอะไร? บิ๊กฟิล เป็นโค๊ชที่ค่อนข้างหัวโบราณ และดื้อรั้นไม่ยอมเปลี่ยนแปลงอะไรง่ายๆ มักจะใช้ แท็กติก เดิมๆ และ ผู้เล่นๆ เดิมๆ การจัดตัวผู้เล่น เป็นชุดเดิม ทีมอื่นจึงสามารถจับทางได้ และอ่านแท็กติก ออก บิ๊กฟิล มีผู้เล่นมากมายให้เลือกใช้ ทั้งที่เล่นอยู่ในยุโรป และในประเทศของตัวเอง แต่กลับเลือกใช้นักเตะ ที่ตัวเองพอใจ มากกว่า ฟอร์มการเล่นของนักเตะ หลายคนที่เรียกติดทีมฟอร์มดี แต่กลับไม่ได้ลงเล่น แม้แต่นัดเดียว



                   หลังจากที่ บิ๊กฟิล ออกจากตำแหน่ง ผู้ที่ถูกเลือกขึ้นมาแทน ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือ กัปตัน
ทีมชาติชุดแชมป์โลก ปี 1994 ""คาร์ลอส ดุงก้า""  เขาเข้ามาพร้อมกับความคาดหวัง ที่แรงกล้า ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในทีม อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พร้อมกับความกดดัน อันมหาศาล ที่ต้องแบกรับเอาไว้ ดุงก้า รู้ดีว่า มันไม่ง่ายเลย กับการทำทีมให้ประสบความสำเร็จตามที่แฟนบอลต้องการ เขาเริ่มทำหน้าที่ของเขา ด้วยการเรียกตัวนักเตะดาวรุ่งหลายคนติดทีม โดยที่มีนักเตะระดับซุปตาร์ อย่าง เนย์มาร์ เป็นแกนหลัก ทุกอย่างกำลังไปได้ดี ดูเหมือนทีมจะพร้อมและลงตัว ในทุกตำแหน่ง 
                   ทีมของดุงก้า ผ่านรอบแรก ใน โคปา อเมริกามาได้ ด้วยการเฉือนเอาชนะ  ทีม เวเนซุเอล่า มาได้ ด้วยผล 2:1 จากการทำประตูของ โรเบโต้ ฟีร์มีโน่ สตาร์ดวงใหม่ของทีม ผลงานในรอบแรกของบราซิล ก็ไม่ค่อยดีนัก ชนะ 2 นัด แพ้ 1 นัด ถือว่าเอาตัวรอดได้ แต่ที่เสียหายอย่างมาก ก็คือการที่ 
เนย์มาร์ กับตันทีม เสียค่าโง่ ถูกแบน 4 นัด จากการที่ไปเตะฟุตบอลอัดใส่ ผู้เล่น โคลัมเบีย ในนัดที่บราซิลแพ้ ไป 0:1 และยังมีพฤติกรรมก้าวร้าว ด่าผู้ตัดสิน ในอุโมงค์ทางเข้า ทำให้ต้องจบเส้นทางใน โคปา อเมริกา ตั้งแต่รอบแรก การเสีย เนย์มาร์ ส่งผลต่อทีมอย่างมาก ด้วยลีลาการเล่น ความเร็ว และ ความคิดสร้างสรรค์ ของเขา ทำให้เกมรุกของบราซิล ดูมีประสิทธิภาพมาก เขาคนเดียวสามารถดึงตัวผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามมาได้ถึง สองสามคนทำให้มีพื้นที่ว่างให้เพื่อนร่วมทีมเล่นได้อย่างสบาย ถึงแม้คนอื่นๆ ก็สามารถจะเล่นตำแหน่งเดียวกันกับเขาได้ แต่ศักยภาพยังไม่เทียบเท่า การเสีย เนย์มาร์ ทำให้ดุงก้า ต้องหาผู้เล่นมาทดแทน แผนการที่วางไว้แต่แรกจึงเปลี่ยนไป ทำให้ทีมยังไม่ดีพอที่จะผ่านเข้าไปเล่นในรอบต่อไปได้ 
                   ฟุตบอลทีมชาติ เป็นรายการที่เล่นกันนัดต่อนัด ทีมไหนที่สามารถ พลิกแพลง หาจุดเด่น จุดด้อย ของทีมอื่นได้  ย่อมได้เปรียบ บราซิล มีทั้งศึกใน คือ อาร์เจนติน่า ,อุรุกวัย และ ซิลี เจ้าภาพ และ ศึกนอก คือ ความคาดหวัง ความกดดัน จากความสำเร็จในอดีตที่ค้ำคอ จากแฟนบอล และ จากคุณภาพของตัวผู้เล่นเอง เมื่อต้องรับมือศึกทั้งสองด้าน พร้อมๆกัน จึงต้านทานไว้ไม่ไหว จนต้องพ่ายแพ้ไปในที่สุด 
                   หลังจากนี้ไป ไม่ว่า คาร์ลอส ดุงก้า จะได้อยู่ต่อ หรือ เป็นคนใหม่ที่เข้ามาทำทีมแทน คงต้องคิดหนักแล้วว่า จะทำทีมไปในแนวทางไหน อะไรก็ตามที่ขึ้นถึงจุดสูงสุดแล้วมักจะตกลงมาเสมอครับ ฟุตบอลก็เช่นกัน บราซิลเคยขึ้นถึงจุดสูงสุดด้วยการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก ได้มากที่สุดถึง 5 สมัย เคยมี สามประสานอย่าง ทริปเปิล R ซึ่งถือว่าเป็นยุครุ่งเรืองของบราซิล เคยเป็นทีมที่น่ากลัวที่สุด ไม่ว่าทีมไหนเจอก็ต้องขยาด แต่ทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลงได้ ยุคตกต่ำของบราซิล กำลังจะมาถึง ต้องดูครับว่าจะลงไปต่ำถึงขนาดไหน และเมื่อตกลงไปต่ำสุดแล้วจะหาทางกลับขึ้นมาได้รึเปล่า ยังไงก็คงต้องลุ้นให้กลับมาไวๆ ครับ เพราะถ้าขาดทีมอย่างบราซิลไป ผมว่า ฟุตบอลระดับชาติ คงจะขาดสีสันไปไม่น้อย


        ------------------------------------ขอบคุณที่ติดตามครับ--------------------------------

 


ไม่มีความคิดเห็น: