บทสรุปของ ฟุตบอลลีก เดอร์แชมป์เปี้ยนชิพ ของอังกฤษ คงได้ ทีมที่จะขึ้นชั้นมาเล่น พรีเมียร์ลีกใน ฤดูกาล 2017-2018 แบบอัตโนมัติเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ ก็คือ ไบร์ทตัน กับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด หลักจากที่ทีม สาลิกาดง นิวคาสเซิล สามารถเอาชนะ เพรสตัน ไปได้ด้วยผล 4 ประตูต่อ 1 ทำให้ ทีม สาลิกาดง คว้าตั๋วใบที่สองได้สำเร็จ จากผลงาน แข่ง 44 นัด มีอยู่ 88 แต้ม ทิ้งห่าง ทีม เรดดิ้ง ที่ตามมาในอันดับ 3 อยู่ 9 แต้ม โดย เรดดิ้ง แข่ง 44 นัด มี 79 แต้ม ซื่งเหลือการแข่งขัน เพียง 2 นัด ยังไงก็ตามไม่ทัน คงต้องไปรอลุ้นในการเล่น เพลย์ออฟ เพื่อเลื่อนชั้นเอา
ทีมจากแดนอีสาน ถือว่าเป็นทีมใหญ่ ทีมหนึ่งของ เกาะอังกฤษ แต่ด้วยความเปลี่ยนแปลง หลายอย่างทำให้เกิดปัญหาภายใน อยู่ตลอดเวลา ส่งผลทำให้ ผลงานที่ออกมาไม่ค่อยดี ต้องลุ้นหนีการตกชั้นอยู่ทุกปี จนในฤดูกาลที่แล้ว ช่วงท้ายฤดูกาล นิวคาสเซิล ได้นำ ผจก.ทีมมือดี จากพระนคร อย่าง เอล ราฟา ราฟาเอล เบนิเตช ผจก.ทีม มากประสบการณ์ เข้ามาเพื่อหวังจะกอบกู้ (อธิปไตย 555 ไปกันใหญ่ละ) ของทีมขึ้นมาเพื่อไม่ให้ตกชั้น แต่สุดท้ายก็ยังไม่รอด ต้องลงไปเล่นใน ลีก เดอร์แชมป์เปี้ยนชิพ ลีกระดับรองของ เกาะอังกฤษ อยู่ดี อย่างที่เราทราบกัน ปัญหาของ นิวคาสเซิล นั้น เป็นปัญหาภายในที่สั่งสมมาตั้งนานแล้ว ปัญหาด้านการเงิน การเปลี่ยนเจ้าของใหม่ ทำให้ ทีม สาลิกา ต้องเปลี่ยน ผจก.ทีมอยู่บ่อย การทำงานในทีม จึงไม่มีความต่อเนื่อง ทำให้ทีมขาดความสม่ำเสมอ ไม่ลงตัว
จากการตกชั้นครั้งนี้ ทำให้ นิวคาสเซิล จำเป็นต้องปล่อย นักเตะตัวหลักดีๆ ไปหลาย คน เช่น แยนมัตให้ วัตฟอร์ต ไวนัลดุม ให้ ลิเวอร์พูล และ ซิสโซโก้ ให้ สเปอร์ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย และ นำเงินเข้าสโมสร บ้าง ผจก.ทีม อย่าง ราฟา ต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อทำให้ สาลิกา ตัวนี้ขึ้นมาโบยบินอีกครั้ง ในลีกสูงสุด การแข่งขันในลีก ระดับรอง นั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่หลายคนคิดไว้เลย เพราะ มีทีมที่ร่วมแข่งขันกัน ถึง 24 ทีม ต้องแข่งขันมากถึง 46 นัด ต่อ 1 ฤดูกาล ซึ่งถ้าคุณไม่เจ๋งจริง ไม่มีทางที่จะรักษาอันดับในตารางคะแนนไว้ได้เลย หลายคนอาจจะคิดอยู่ในใจครับว่า ยังไง นิวคาสเซิล ก็เป็นทีมใหญ่ คงจะกลับขึ้นมาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แต่อย่าลืมนะครับว่า หลายๆทีมที่เคยเป็นทีมใหญ่ มาก่อน อย่าง ลีด ยูไนเต็ด ,แบล็คเบิร์น โรเวอร์ ที่เคยเป็นถึงแชมป์พรีเมียลีก พอลงไปแล้ว ก็ยังไม่สามารถกลับมาขึ้นมาได้เลย ทีมที่ได้เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่น พรีเมียร์ลีก ในแต่ละปี กลับเป็นทีมที่เรา ไม่รู้จัก และ ไม่เคยได้ยินมาก่อน อย่าง บอร์นมัธ และ ปีนี้ ก็คือ ไบรท์ตัน ที่ตีตั๋วใบแรก ได้สำเร็จ การกลับขึ้นมานั้นจึงไม่ใช้เรื่องง่ายเลย
การได้ ราฟา เบนิเตช เข้ามารับงาน แบบยาวๆ ทำให้ทีม สาลิกา มีเสถียรภาพมากขึ้น ด้วยระบบ แผนการเล่น 4-2-3-1 และ ระบบ หมุนเวียน นักเตะ (Rotation) ของ ราฟา สามารถรักษาผลงานได้อย่างสม่ำเสมอ โดยมีนักเตะ แกนหลัก ที่ราฟาใช้เป็นตัวขับเคลื่อนเกม อย่าง อโยเซ่ เปเรช ,จอนโจ้ เซลวี่, ดไวท์ เกล ,มิโตวิช และ แจ็ค คอร์แบล็ค ซึ่งนักเตะเหล่านี้ เป็นกลุ่มนักเตะที่มีประสบการณ์อยู่แล้วในฟุตบอลระดับสูง ทำให้การเล่นในลีกระดับรอง ไม่เป็นปัญหามากนัก ผนวกกับการได้รับการสนับสนุนที่ดีจากแฟนบอล ทูน อาร์มี่ อย่างเหนียวแน่น ผลงานของทีมโดยรวมจึงทำได้ดี และประสบความสำเร็จในที่สุด
การกลับมาของ ทีม สาลิกาดง ในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการกลับมา ที่แตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ถึงจะเป็นนักเตะหน้าเดิมๆ แต่ถูกเพิ่มเติมด้วยความคิด และ ประสบการณ์ใหม่ๆ เข้าไป จาก ผจก.ทีม ที่ถือว่าเป็น ผจก.ชั้นนำ คนหนึ่งของวงการฟุตบอล อย่าง เอล ราฟา จึงทำให้ "สาลิกาดง ตัวนี้ได้กลับมา ถลาลม" โบยบิน อยู่ใน พรีเมียร์ลีก ได้อีกครั้ง อย่างน่าภาคภูมิใจ ยังไงซะ ก็คงต้องตามลุ้นตามเชียร์กันต่อไปว่า ทีมสาลิกา นิวคาสเซิล จะทำผลงานได้ดีมากน้อยขนาดไหน ในการกลับมาครั้งนี้
#ขอบคุณที่ติดตาม
#Pairoj13
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น