ผ่านนัดที่ 5 ของฤดูกาลแข่งขัน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2017-2018 หงส์แดง ลิเวอร์พูลเก็บคะแนนได้ 8 คะแนน ด้วยผลงาน ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 1 อยู่ที่อันดับ 8 ของตารางคะแนะ ในขณะที่ผมเขียนบทความนี้ ยังมีหลายทีมยังไม่ได้ทำการแข่งขัน
:
ถ้าเราดูจากตารางคะแนน ผลงานของทีมหงส์แดงก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก ยังมี สเปอร์ และ อาร์เซน่อล 2 ทีมใหญ่ ของกรุงลอนดอน อยู่เป็นเพื่อน ซึ่งผลงานของ สเปอร์ กับ อาร์เซน่อล ในการเริ่มต้นฤดูกาล ก็ไม่ค่อยดีเหมือนกับทีม หงส์แดง แต่ที่ดูน่าเป็นห่วงสำหรับทีมลิเวอร์พูลของ ผจก.ฮาร์ดคอร์ ชาวเยอรมัน คือ ทิศทางและอนาคตของทีม ซึ่งผลงานใน 3 นัดล่าสุดของ หงส์แดง ไม่สามารถเอาชนะใครได้เลย
แพ้ แมน ซิตี้ 0-5 ,เสมอ เซบีย่า 2-2 และ เสมอ เบิร์นลี่ 1-1 รวม 3 นัด ลิเวอร์เสียประตู ถึง 8 ลูก ยิงได้แค่ 3 ลูก และประตูที่ได้ส่วนใหญ่ ก็มาจาก มาเน่ และ ซาล่า สองนักเตะที่ดูจะเป็นตัวความหวังของทีมไปซะแล้ว สถิติเหล่านี้มันบ่งบอกอะไร?
:
ขอย้อนกลับไปในช่วงหลายฤดูกาลที่ผ่านมา สิ่งหนึ่งที่ทำให้ทีมหงส์แดง มีผลงาน ลุ่มๆดอนๆ มาตลอดก็คือ ปัญหาในเกมรับ การป้องกัน ลูกตั้งเตะ และลูกกลางอากาศ ไม่ว่าจะเป็น ผจก.ทีมคนไหนที่เข้ามารับงาน ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาในจุดนี้ได้ ถึงแม้จะรู้ดีว่ามันเป็นปัญหาหลักที่ต้องแก้ไขก็ตาม นับตั้งแต่
ซามี ฮุเปีย อำลาทีมไป ก็ดูเหมือนจะไม่มีนักเตะกองหลังตัวกลางคนไหน จะมาแทนทีได้เลย
:
กลับมาที่ผลงานในนัดล่าสุด ของทีมหงส์แดง ที่เปิดรังแอนฟิวส์ ต้อนรับการมาเยือน ของ เบิร์นลี่ ทีมของแสลงที่ทำให้ลิเวอร์พูลพ่ายแพ้มาแล้วในฤดูกาลก่อน นัดนี้ Jk หมายมั่นปั้นมือที่จะล้างตาและ เก็บ 3 แต้ม ให้ได้ เพื่อเป็นของขวัญกับแฟนบอล ในการฉลอง 125 ปี ในการก่อตั้งสโมสร ด้วยการส่งผู้เล่นตัวรุก ลงสนามถึง 6 คน กะว่าจะจัดการเบิร์นลี่ ให้กลับบ้านไม่เป็นเลยที่เดียว แต่แล้วเหมือนภาพเก่าเล่าใหม่ ก็กลับมาหลอกหลอนเหล่าเดอะค๊อปอีกครั้ง ภาพความผิดพลาดของกองหลัง ที่แฟนบอลเคยเห็นจนชินตา คือ อาการเสลอเฟอะฟะ ของกองหลัง ที่ JK มั่นใจว่าเขาดีพอสำหรับหงส์แดง ก็เกิดขึ้นอีกครั้งจนได้
การเข้าบอลแบบไม่ระวัง และการเบียดแย่งบอลที่ไม่มีประสิทธิภาพ ทั้งที่ตัวผู้เล่นได้เปรียบถึง 2 ต่อ1
จนทำให้เสียประตู บ่งบอกว่า ศักยภาพนักเตะกองหลัง ของทีมลิเวอร์พูล ยังไม่ดีพอ ในเวลานี้นักเตะกองหลังที่ดูจะพึ่งพาได้มากที่สุดของทีม มีเพียงคนเดียว คือ โจแอล มาติป ส่วนที่เหลือฝากผีฝากไข้ไม่ได้เลย
:
ในการให้สัมภาษณ์ของ เจอร์เกน คล็อป หลังจากเกมที่ ลิเวอร์พูล เสมอกับ เซบีย่า ใน UCL 2-2 ทั้งที่สามารถทำประตูขึ้นนำได้ แต่ก็มาเสียประตูเอาช่วงท้ายเกม เขาได้ออกมาปกป้องผู้เล่นในแนวรับ ว่าไม่ใช้ความผิดของพวกเขาคนเดียว แต่การเล่นเกมรับต้องเป็นความรับผิดชอบของผู้เล่นภายในทีมทุกคน
ซึ่งหากดูจากคำที่ให้สัมภาษณ์แล้ว มันก็เป็นจิตวิทยาที่ คล็อปพูดออกมาเพื่อไม่อยากให้นักเตะสูญเสียความมั่นใจ ทั้งที่ตัวเขาเองรู้ดีว่า ทีมกำลังมีปัญหากับตัวผู้เล่นในแนวรับ คล็อป โทษระบบมากกว่าตัวผู้เล่น ซึ่งผมตีความหมายได้ 2 ประเด็น
1.คือปกป้องนักเตะ
2.คือปกป้องตัวเอง
:
วิกฤต ของ คล็อป
การปกป้องนักเตะ เป็นเรื่องที่ ผจก.ทีมที่ดีทุกคนต้องทำอยุ่แล้ว ผมจึงขอยกประเด็นที่ 2 มากล่าวถึงแล้วกัน การปกป้องตัวเองของ คล็อป ส่วนหนึ่งมาจากความล้มเหลวในตลาดซื้อขายนักเตะ ซึ่ง JK ไม่ได้มีแผนสำรองไว้รับมือกับสิ่งไม่คาดฝันที่จะเกิดขึ้น เขามั่นใจว่าเขาจะได้นักเตะตามที่เขาต้องการ โดยไม่ได้เผื่อทางเลือกอื่นเอาไว้เลย ความมั่นอกมั่นใจไม่ใช้เรื่องผิด แต่ความมั่นใจ ด้วยความมี EGo สูง เกินไปก็ไม่ใช้เรื่องที่ดี หากเทียบกับผลกระทบที่เกิดขึ้นกับทีม
:
การดองเค็ม ซาโก้ อาจเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ซึ่งถ้าเราเป็นเขาก็คงจะรับไม่ได้เหมือนกันกับนิสัยส่วนตัวของ ซาโก้ ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่ยังพอยอมรับได้ แต่การที่ไม่มองหาตัวเลือกอื่นทั้งที่ยังพอมีเวลา ดูเหมือนจะเป็นการกระทำที่ไม่เข้าท่า เอาเสียเลย สำหรับทีมที่ต้องการลุ้นแชมป์ ตามที่เขาได้ประกาศออกมาว่า ฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล จะเป็นทีมที่ลุ้นแชมป์แบบเต็มตัว การไม่มีนักเตะแนวรับเข้ามาเสริมทีมเลยในขณะที่ทีมต้องการ การแก้ปัญหาในเกมรับ มันเป็นเรื่องที่สวนทางกันอย่างสิ้นเชิง
:
เจอร์เก้น คล็อป คิดว่าเขาสามารถรับมือ กับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ด้วยการสร้างเกมรุกที่มีประสิทธิภาพ โดยที่เขามองว่า ระบบคือตัวขับเคลื่อนเกมในภาพรวมทั้งหมดไม่ใช้การพึ่งพานักเตะ ปรัชญา "เกมรับที่ดีที่สุดคือเกมรุก" คือสิ่งที่ Jk นำมาใช้ แต่เขาคงลืมคิดไปว่า ถ้าเกมรุกทำไม่ได้จะทำอย่างไร ซึ่งความจริงก็เกิดขึ้น กับเกมที่พบกับ เบิร์นลี่
:
ฌอน ไดค์ ได้พิสูจน์ให้ คล็อป เห็นแล้วว่า ไม่จำเป็นต้องมีเกมรุกที่ดีอะไรมากมาย ขอให้มีเกมรับที่เหนียวแน่น ก็สามารถเก็บแต้มจากทีมลิเวอร์พูลได้ โชคชะตาคือสิ่งที่ JK อ้างมาตลอดว่ามีผลกับทีม
แต่ความจริงคือ โชคชะตาคือส่วนเล็กๆ ของผลกระทบเท่านั้น การบริหารจัดการต่างหากคือปัจจัยหลักของผลงานของทีม ผมไม่เคยสงสัยในความสามารถของ เจอร์เก้น คล็อป เลยแม้แต่น้อย และก็คิดว่าเขาคือคนที่เหมาะสมกับทีมลิเวอร์พูลที่สุดแล้ว แต่เมื่อมองไปที่สีหน้าของเขาตอนที่เล่นกับเบิร์นลี่ แล้วมันกลับบ่งบอกว่า เขา ไม่ใช้ เจอเก้น คล็อป คนเดิมอีกแล้ว ในแววตาที่ดูเลื่อนลอย สิ้นหวัง สีหน้าที่แสดงออกว่า ไม่รู้จำทำยังไง หมดไอเดีย แก้เกมช้า เหมือนสภาพที่ ปู่รอย เคยเป็น มันบ่งบอกว่าเขา กำลังพาตัวเองเขาไปสู่วิกฤต ซึ่งจุดจบอาจจะไม่สวย เหมือนกับ ผจก.ทีมคนที่ผ่านๆมา
:
วิกฤต หงส์แดง
ลิเวอร์พูล คือ ทีมใหญ่ ที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน เป็นทีมที่ได้รับความนิยม และ มีฐานแฟนบอลมากมายระดับต้นๆของโลก ซึ่งทีมประสบความสำเร็จ ด้วยการคว้าแชมป์ ลีก 18 สมัย และ UCL อีก 5 สมัย มากที่สุดในเกาะอังกฤษ แต่หลังจากที่ ฟุตบอลลีกอังกฤษ ได้เปลี่ยนชื่อจาก ดิวิชั่น 1 มาเป็นพรีเมียร์ลีก ทีมลิเวอร์พูลก็ไม่เคยคว้าแชมป์ได้อีกเลย จนทำให้คู่อริตัวฉกาจ อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แซงหน้าเป็นเบอร์หนึ่งของเกาะอังกฤษ ได้ สิ่งหนึ่งที่ทำให้ทีมไม่สามารถประสบความสำเร็จได้อีกเลยนั้นมาจากปัญหาทางการเงิน ที่ลิเวอร์พูลต้องเผชิญมาตลอด ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไหร่ก็ดูเหมือนว่าทีมจะเล็กลงเรื่อยๆ จากที่เคยเป็นยักษ์ใหญ่ ปัจจุบัน เป็นยักษ์หลับ ไปแล้ว และยักษ์ตัวนี้ก็ขี้เซา ไม่ยอมตื่นซะด้วย
:
ปัญหาด้านการเงินเป็นปัญหาสำคัญ ที่ส่งผลกระทบในหลายด้านกับสโมสร ทีม ลีด ยูไนเต็ด คือตัวอย่างที่เห็นได้ชัด จากทีมที่เป็นแชมป์ลีกสูงสุด ตกต่ำจนต้องไปเล่นในลีก ระดับ 3 ของอังกฤษ ปัจจุบันก็ยังกลับสู่ลีกสูงสุดไม่ได้ ปัญหาการเงินทำให้ทีมต้องขายนักเตะตัวหลักออกไปเพื่อนำเงินมาอุ้มสโมสรเอาไว้ ถึงแม้ว่าลิเวอร์พูล จะไม่ถึงกับเจอวิกฤตเหมือนกับ ลีด แต่ลิเวอร์พูล ก็ต้องเสียนักเตะตัวหลัก และผู้เล่นดีๆ มาตลอด ไมเคิล โอเว่น ,สตีฟ แมคมานามาน ,ซาบี อลอนโซ่ ,มาสเคราโน่ ,ตอร์เรส ,หลุยส์ ซัวเรส และ ราฺฮีม สเตอร์ริ่ง ซึ่งนักเตะเหล่านี้หากอยู่กับทีมอย่างต่อเนื่องก้จะสามารถยกระดับทีมขึ้นมาได้เรื่อยๆ การขายออกไปแล้วไม่ได้ผู้เล่นในระดับเดียวกันเข้ามา ทำให้ทีม ขาดความสม่ำเสมอ สิ่งที่เกิดจึงเป็นปัญหาสะสมเรื้อรังมานาน
:
วิกฤตการเงินของ หงส์แดง ที่ดูจะร้ายแรงที่สุด คงเป็นยุคของ 2 ปลิงมะกันเข้ามาเป็นเจ้าของสโมสร ซึ่งทำให้ทีมต้องมีหนีสิ่นจนเกือบจะต้องสูญเสียทีมให้กับ ธนาคารไป แต่ทาง Funway กรุ๊ป ก็มาช่วยสโมสรไว้ได้ทัน จอห์น เฮนรี่ เจ้าของใหม่ เข้ามากอปกู้วิกฤตการเงินของหงส์แดงเอาไว้ได้ และเปลี่ยนจากวิกฤติให้ทีมสามารถพลิกฝื้นกลับมาได้ ด้วยนโยบายและการบริหารที่เป็นมืออาชีพ จนปัจจุบันทีมสามารถขยายสนามให้มีความจุเพิ่มมากขึ้นได้ และปัญหาทางการเงินก็ได้รับการแก้ไขให้หมดไป ถึงแม้ว่าลิเวอร์พูลจะไม่มีปัญหาเรื่องการเงินแล้ว แต่ก็เหมือนว่าเงามืดที่ปกคลุมสโมสรก็ยังไม่จางไป แนวโน้มที่จะต้องสูญเสียนักเตะเก่งๆ ก็ยังมีอยู่ตลอดเวลา ภัยคุกคามที่มาจากภายนอกสโมสร ส่งแรงกระเพื่อมอย่างแรงมาสู่ทีม สิ่งที่เป็นความต้องการของนักเตะทุกคน คือ การประสบความสำเร็จในอาชีพนักเตะ นั่นคือ การ คว้าแชมป์ใดแชมป์หนึ่งให้ได้ หรือ คว้าแชมป์ให้ได้มากที่สุด เมื่อนักเตะไม่มั่นใจว่าทีมจะก้าวไปถึงจุดนั้นได้ พวกเขาจึงมองหาโอกาสที่ดีกว่าเสมอ การเสียนักเตะแกนหลักออกไปจึงเริ่มโบกมือทักทายมายังถิ่นแอนฟิวส์อีกครั้ง ภารกิจเร่งด่วนที่สโมสรจะต้องทำให้ได้ คือ การสร้างแรงจูงใจ และความศรัทธา ว่าสโมสรจะไปถึงจุดที่หวังได้ แล้ว นำพาทีมไปยังจุดที่ควรจะเป็น โดยที่ไม่ปล่อยให้ EGO มาทำให้เสียแรงศรัทธา ไม่หยั้งงั้นแล้วทีมก็คงหนีไม่พ้นปัญหาเดิมๆ
#ขอบคุณที่ติดตาม
#YNWA
#Cap.rojer13
:
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น