วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558

แซมบ้า ขาลง

              ก่อนอื่นต้องขอกล่าวคำว่า สวัสดีครับ วันจันทร์ วันทำงานของหลายๆ คน วันนี้อาจเป็นวันที่หลายคนไม่อยากให้มาถึงเลย เพราะขี้เกียจลุกจากที่นอนเหลือเกิน หลังจากที่ได้พักผ่อนมาเต็มๆ สองวัน หรือบางคนอาจจะวันเดียว ก็ต้องกลับมาทำงานกันอีกแล้ว ผมขอเป็นกำลังใจให้สำหรับคนที่สู้ชีวิตกันทุกคนละกันนะครับ เมื่อชีวิตยังไม่สิ้น ก็ต้องดิ้นกันไป ครับ อย่ายอมแพ้


               มาว่ากันถึงเรื่องฟุตบอลกันบ้่างครับอย่างที่ผมได้ขึ้นหัวเรื่องไว้ หลายคนคงได้ทราบข่าวผลการแข่งขันในศึก ฟุตบอล โคปา อเมริกา ในรอบ 8 ทีม สุดท้าย หรือ รอบก่อนรองชนะเลิศ ระหว่าง ทีมเต็ง 2 อย่าง ทีมชาติ บราซิล กับ ทีมชาติ ปารากวัย แล้วว่า ทีมชาติ บราซิล ต้องจอดป้ายแค่รอบนี้ หลังแพ้การดวลลูกยิงที่จุดโทษ ให้กับ ทีมชาติ ปารากวัย  จากที่เสมอกันในเวลา 90 นาที ด้วยผล 1 : 1 โดยบราซิลขึ้นนำก่อนด้วยการยิงของ โรบินโญ่ ซุปตาร์จากซานโตส  แต่ ปารากวัย ก็มาตีเสมอได้ในช่วงท้ายเกม จบ 90 นาที ต้องดวลจุดโทษตัดสิน โดยฟุตบอลรายการนี้ ไม่มีการต่อเวลาพิเศษ ผลปรากฎว่า ปารากวัย แม่นโทษกว่า เฉือนเอาชนะ บราซิลไปได้ ด้วบผลประตู 4 ประตู ต่อ 3 เข้ารอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ ส่วนจะได้พบกับทีมไหน ต้องคอยติดตามกันต่อไป
               แฟนบอล บราซิล ผมเชื่อว่ามีทั่วโลก ต้องผิดหวังกันอีกครั้ง ที่เห็นความล้มเหลวของทีม ที่เต็มไปด้วย ซุปเปอร์สตาร์  มากมาย พลาดท่าแพ้ให้กับทีมที่มีนักเตะที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก หลังจากที่ต้องผิดหวังในฟุตบอลโลก 2014 ที่ทำได้เพียงแค่ที่ 4 จากที่หมายมั่นว่าจะเป็นแชมป์ ภายใต้การนำของ



 "บิ๊กฟิล"  หลุย ฟิลิเป้ สโกลาลี่ แถมยังสร้างสถิติที่ไม่น่าจดจำ ด้วยการพ่ายแพ้ แบบหมดสภาพจนไม่เหลือศักดิ์ศรีของทีมแชมป์โลก 5 สมัย ให้กับ เยอรมัน ในรอบรองชนะเลิศ ด้วยผล 7 : 1 จนต้องไปชิงอันดับ 3 กับ เนเธอร์แลนด์ หวังจะกู้หน้าเจ้าภาพ และเป็นรางวัลปลอบใจให้กับแฟนบอล แต่ฟอร์มการเล่นกลับไม่กระเตือง จนแพ้ให้กับ เนเธอร์แลนด์ ถึง 0 : 3 ส่งผลให้บิ๊กฟิล ต้องสละเก้าอี้ เหตุผลหลักที่ทำให้ทีมของบิ๊กฟิล ไม่ประสบความสำเร็จเกิดมาจากอะไร? บิ๊กฟิล เป็นโค๊ชที่ค่อนข้างหัวโบราณ และดื้อรั้นไม่ยอมเปลี่ยนแปลงอะไรง่ายๆ มักจะใช้ แท็กติก เดิมๆ และ ผู้เล่นๆ เดิมๆ การจัดตัวผู้เล่น เป็นชุดเดิม ทีมอื่นจึงสามารถจับทางได้ และอ่านแท็กติก ออก บิ๊กฟิล มีผู้เล่นมากมายให้เลือกใช้ ทั้งที่เล่นอยู่ในยุโรป และในประเทศของตัวเอง แต่กลับเลือกใช้นักเตะ ที่ตัวเองพอใจ มากกว่า ฟอร์มการเล่นของนักเตะ หลายคนที่เรียกติดทีมฟอร์มดี แต่กลับไม่ได้ลงเล่น แม้แต่นัดเดียว



                   หลังจากที่ บิ๊กฟิล ออกจากตำแหน่ง ผู้ที่ถูกเลือกขึ้นมาแทน ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือ กัปตัน
ทีมชาติชุดแชมป์โลก ปี 1994 ""คาร์ลอส ดุงก้า""  เขาเข้ามาพร้อมกับความคาดหวัง ที่แรงกล้า ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในทีม อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พร้อมกับความกดดัน อันมหาศาล ที่ต้องแบกรับเอาไว้ ดุงก้า รู้ดีว่า มันไม่ง่ายเลย กับการทำทีมให้ประสบความสำเร็จตามที่แฟนบอลต้องการ เขาเริ่มทำหน้าที่ของเขา ด้วยการเรียกตัวนักเตะดาวรุ่งหลายคนติดทีม โดยที่มีนักเตะระดับซุปตาร์ อย่าง เนย์มาร์ เป็นแกนหลัก ทุกอย่างกำลังไปได้ดี ดูเหมือนทีมจะพร้อมและลงตัว ในทุกตำแหน่ง 
                   ทีมของดุงก้า ผ่านรอบแรก ใน โคปา อเมริกามาได้ ด้วยการเฉือนเอาชนะ  ทีม เวเนซุเอล่า มาได้ ด้วยผล 2:1 จากการทำประตูของ โรเบโต้ ฟีร์มีโน่ สตาร์ดวงใหม่ของทีม ผลงานในรอบแรกของบราซิล ก็ไม่ค่อยดีนัก ชนะ 2 นัด แพ้ 1 นัด ถือว่าเอาตัวรอดได้ แต่ที่เสียหายอย่างมาก ก็คือการที่ 
เนย์มาร์ กับตันทีม เสียค่าโง่ ถูกแบน 4 นัด จากการที่ไปเตะฟุตบอลอัดใส่ ผู้เล่น โคลัมเบีย ในนัดที่บราซิลแพ้ ไป 0:1 และยังมีพฤติกรรมก้าวร้าว ด่าผู้ตัดสิน ในอุโมงค์ทางเข้า ทำให้ต้องจบเส้นทางใน โคปา อเมริกา ตั้งแต่รอบแรก การเสีย เนย์มาร์ ส่งผลต่อทีมอย่างมาก ด้วยลีลาการเล่น ความเร็ว และ ความคิดสร้างสรรค์ ของเขา ทำให้เกมรุกของบราซิล ดูมีประสิทธิภาพมาก เขาคนเดียวสามารถดึงตัวผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามมาได้ถึง สองสามคนทำให้มีพื้นที่ว่างให้เพื่อนร่วมทีมเล่นได้อย่างสบาย ถึงแม้คนอื่นๆ ก็สามารถจะเล่นตำแหน่งเดียวกันกับเขาได้ แต่ศักยภาพยังไม่เทียบเท่า การเสีย เนย์มาร์ ทำให้ดุงก้า ต้องหาผู้เล่นมาทดแทน แผนการที่วางไว้แต่แรกจึงเปลี่ยนไป ทำให้ทีมยังไม่ดีพอที่จะผ่านเข้าไปเล่นในรอบต่อไปได้ 
                   ฟุตบอลทีมชาติ เป็นรายการที่เล่นกันนัดต่อนัด ทีมไหนที่สามารถ พลิกแพลง หาจุดเด่น จุดด้อย ของทีมอื่นได้  ย่อมได้เปรียบ บราซิล มีทั้งศึกใน คือ อาร์เจนติน่า ,อุรุกวัย และ ซิลี เจ้าภาพ และ ศึกนอก คือ ความคาดหวัง ความกดดัน จากความสำเร็จในอดีตที่ค้ำคอ จากแฟนบอล และ จากคุณภาพของตัวผู้เล่นเอง เมื่อต้องรับมือศึกทั้งสองด้าน พร้อมๆกัน จึงต้านทานไว้ไม่ไหว จนต้องพ่ายแพ้ไปในที่สุด 
                   หลังจากนี้ไป ไม่ว่า คาร์ลอส ดุงก้า จะได้อยู่ต่อ หรือ เป็นคนใหม่ที่เข้ามาทำทีมแทน คงต้องคิดหนักแล้วว่า จะทำทีมไปในแนวทางไหน อะไรก็ตามที่ขึ้นถึงจุดสูงสุดแล้วมักจะตกลงมาเสมอครับ ฟุตบอลก็เช่นกัน บราซิลเคยขึ้นถึงจุดสูงสุดด้วยการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก ได้มากที่สุดถึง 5 สมัย เคยมี สามประสานอย่าง ทริปเปิล R ซึ่งถือว่าเป็นยุครุ่งเรืองของบราซิล เคยเป็นทีมที่น่ากลัวที่สุด ไม่ว่าทีมไหนเจอก็ต้องขยาด แต่ทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลงได้ ยุคตกต่ำของบราซิล กำลังจะมาถึง ต้องดูครับว่าจะลงไปต่ำถึงขนาดไหน และเมื่อตกลงไปต่ำสุดแล้วจะหาทางกลับขึ้นมาได้รึเปล่า ยังไงก็คงต้องลุ้นให้กลับมาไวๆ ครับ เพราะถ้าขาดทีมอย่างบราซิลไป ผมว่า ฟุตบอลระดับชาติ คงจะขาดสีสันไปไม่น้อย


        ------------------------------------ขอบคุณที่ติดตามครับ--------------------------------

 


วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ดาวเด่น Copa america ที่น่าจับตามอง

           


              ช่วงนี้เป็นช่วงที่ฟุตบอลลีกชั้นนำในประเทศต่างๆ ได้พักการแข่งขันระหว่างฤดูกาล แต่ก็ยังมีฟุตบอลให้เราได้ติดตามกันหลายรายการ ซึ่งเป็นการแข่งขันของฟุตบอลทีมชาติ รายการแข่งขันที่น่าสนใจตอนนี้ ก็คงจะเป็นฟุตบอลชิงแชมป์ทวีปอเมริกาใต้ หรือที่เรียกว่า COPA  America ซึ่งหน้าติดตามไม่แพ้ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ EURO Cup เพราะประเทศในแถบอเมริกาใต้มีนักเตะระดับโลกมากมาย ที่มาค้าแข้งในทีมชั้นนำของยุโรป ไม่ว่าจะเป็น นักเตะเบอร์ 1 ของโลก อย่าง แมสซี่ (อาร์เจนตินา) เนย์มาร์ (บราซิล) ,อเล็กซีส (ซิลี), อตูโร่ วิดัล (ซิลี) และอีกมากมาย สไตล์การเล่นของนักฟุตบอลอเมริกาใต้ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า รวดเร็ว คล่องแคล่ว และมีลีลาการเล่นที่สวยงาม จึงเป็นที่ต้องการของทีมใหญ่ๆ ที่ต้องการเป็นเจ้าของนักเตะเหล่านี้ เพื่อความสำเร็จของทีม ต่อไปเราลองมาดูกันครับน่า ในฟุตบอล โคปา อเมริกา ครั้งนี้ มีดาวรุ่ง ดาวเด่น ดวงไหนบ้างที่น่าจับตามอง กันบ้าง (ผมจะไม่ขอพูดถึง นักเตะ ที่กล่าวมาแล้วขั้นต้นนะครับ เพราะว่าหลายคนคงรู้ดีอยู่แล้วว่าฝีเท้าเป็นยังไงกันบ้าง )
เริ่มต้นที่คนแรกเลยครับ

     โรเบอร์โต้   เฟอร์มิโน่ (บราซิล) 

นักเตะว่าที่ซุปเปอร์สตาร์จากทีมชาติบราซิล และ สโมสร ฮอฟเฟ่นไฮม์ รายนี้ พัฒนาตัวเองจนก้าวเข้ามาติดทีมชาติชุดใหญ่ ภายใต้การคุมทีมของ คาลอส ดุงก้า และ กำลังเป็นที่สนใจของทีมดังหลายทีม โดยเฉพาะ แมนยู และ คู่อริอย่าง ลิเวอร์พูล มีการเปิดศึกนอกสนามในการล่าลายเซ็นต์ของนักเตะรายนี้อย่างสนุกสนาน ซึ่งตัวนักเตะก็อยากที่จะย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีก เช่นกัน แต่สุดท้ายคาดว่า ทีมปีศาจแดง ซึ่งมีภาษีดีกว่าน่าจะได้ตัวไปร่วมทีม ลองติดตามดูสถิติต่างๆ แล้วก็ฝีเท้ากันดูครับว่าจะเด็ดขนาดไหน

 

คนที่ 2

เอนเนอร์  บาเลนเซีย (เอกวาดอร์)


"บาเลนเซีย" ทำผลงานได้โดดเด่นในฟุตบอลรายการนี้โดยสามารถทำประตูได้และมีฟอร์มการเล่นที่ดีและสม่ำเสมอ ในปีที่ผ่านมาเขาทำผลงานได้ดีเหลือเกินกับทีม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ มีทีมใหญ่หลายทีมสนใจนำตัวนักเตะรายนี้ไปร่วมทีม  ทั้ง เซลซี และ ลิเวอร์พูล โดยทาง เวสต์แฮมได้ตั้งค่าตัว ไว้สูงถึง 30 ล้านปอนด์ เลยที่เดียว




คนที่ 3
โฮเซ  กิเมเนซ ( อุรุกวัย )

นักเตะชาวอุรุกวัย ของทีมตรามี แอตมาดริด ได้ลงเล่นในเกมที่ อุรุกวัย พบกับ ปารากวัย และสามารถทำประตูขึ้นนำให้กับทีมได้ แต่สุดท้ายผลการแข่งขัน เสมอกันไป ที่ 1 : 1
กิเมเนซ  เป็นกองหลังดาวรุ่งที่น่าจับตามองอย่างมาก เพราะอายุยังน้อยและมีการเล่นดุดัน และชอบเติมเกม ขึ้นไปยิงประตูในแบบนักเตะอเมริกาใต้ เขายังสามารถพัฒนาตัวเองได้อีกมาก ได้รับโอกาศ ลงสนาม มากขึ้นกว่าเดิม





คนที่ 4
ซาโลมอน  ลอนดอน
หลายคนที่เป็นแฟนบอล ลาลีกา ลีก สเปน คงรู้จัก นักเตะคนดีพอสมควร เพราะเคยค้าแข้งอยู่กับทีมดัง อย่าง มาลาก้า ล่าสุดเข้าเล่นให้กับ ทีม
เซนิต ทีมดัง รัสเซีย  ลอนดอนสามารถทำประตูชัยให้กับ เวเนซุเอล่าได้ในการ พบกับทีมที่มีสตาร์เต็มทีมอย่าง โคลัมเบีย ด้วยลูกโหม่งทำประตูอย่างสวยงาม จุดเด่นของลอนดอนคือ ร่างกายที่สูงใหญ่เล่นได้ดีทั้งลูกกลางอากาศ และ บนพื้น เขาหาพื้นที่
ในการทำประตูได้ดี มีการยิงที่แรงและคม เขามีโอกาศที่จะมาแจ้งเกิดอีกครั้ง ลีกชั้นนำของยุโรป มีข่าวว่า ทีม อย่าง ลิเวอร์พูล กำลังให้ความสนใจ  ยังไงก็ลองติดตามดูกันครับ นักเตะคนนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน













คนสุดท้ายครับ คนที่ 5
เปโดร กัลเลซเซ

 มาถึงคนสุดท้ายกันแล้วครับ นักเตะคนนี้อาจจะไม่เป็นที่รู้จักนัก เพราะไม่ได้เล่นในลีกยุโรป และเล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตู ซึ่งไม่ค่อยมีใครสนใจเท่าใหร่ เขาชื่อว่า เปโดร กัลเลซเซ เป็นผุ้รักษาประตู จากทีม ฮวน อูริช ทีมในลีกของประเทศเปรู แต่นักเตะ คนนี้มีดีแน่นอนครับ จากจังหวะการเซฟ ประตูในหลายๆ ครั้ง
ในเกมที่ เปรู ยัน เสมอ กับ โคลัมเบียได้ ทั้งปฎิกิริยา และ จังหวะออกมาตัดบอล ทำได้ดีมาก เชื่อว่าแมวมองของหลายทีมในยุโรปคงจับตามองเหมือนกัน แต่คงจะได้ตัวมายากหน่อย เพราะอาจติดในเรื่องของ หนังสืออนุญาต ทำงาน หรือ
work permit นั้นแหละครับ เนื่องจากตัวนักเตะไม่ได้เล่นในยุโรป ยังไงก็ลองติดตามกันครับว่าสุดท้ายแล้วเขาจะได้มาโชว์ฝีมือในการเซฟประตูสวยๆ ให้เราได้ดูกันหรือเปล่า





เป็นยังไงกันบ้างครับ ทั้ง 5 คน พอจะโดนใจบ้างรึเปล่า ทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมในครับ ถ้าไม่ชอบหรือมีคนอื่นที่ดูแล้วเหมาะสมกว่าก็ติชมมาได้เลยนะครับ ไม่ว่ากัน สุดท้ายแล้วคงต้องขอขอบคุณที่ติดตามนะครับ และขาดไม่ได้คือ ข้อมูลดี จาก Goal.com , 7m.cn , Youtube และ scoutnation ครับ ผิดพลาดประการได้ ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ครับ




***มองหาช่องทางสร้างได้อยู่ใช้มั้ย!! eliet-ssc เรามีระบบที่จะทำคุณประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่คลิ๊ก!!***




วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ทีมชาติไทย

         สวัสดีครับ ท่านผู้ที่รักและชื่นชอบ ฟุตบอลทุกท่าน ช่วงนี้คงเป็นช่วงที่แฟนบอลชาวไทยทุกคน มีความสุขกันมากๆ นะครับ เรียกว่ากีฬาฟุตบอลในบ้านเรากำลังเป็นที่นิยมแบบสุดๆ เพราะผลงานของทีมชาติไทยของเรา  ไม่ว่าจะเป็น ฟุตบอลหญิง ฟุตบอลชาย นั้นดีเหลือเกิน นับว่าเป็นปีทองของบอลไทยจริงๆ ฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย พึ่งไปจารึกประวัติศาสตร์ เก็บชัยชนะเป็นครั้งแรก ในรายการ ฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก ที่ ประเทศ แคนนาดา โดย การเอาชนะ ไอเวอร์รี่โคสต์ ไปได้ ด้วยผลการแข่งขัน       3 : 2 เก็บสามแต้มแรกได้สำเร็จในฟุตบอลรายการนี้ ถือเป็นการบันทึกหน้าประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการฟุตบอลไทย นี่คือความสำเร็จก้าวแรกของเรา เป็นความภาคภูมิใจ ของคนทั้งชาติ คนไทยถ้าคิดจะทำอะไร ก็ไม่แพ้ชาติใดในโลก ผมต้องขอ ปรบมือให้กับความพยายาม ของพวกเธอจริงครับ
            จากเรื่องของ ฟุตบอลหญิงกันแล้ว มาดูความสำเร็จของ ฟุตบอลชาย กันบ้าง ถึงแม้ว่าเรายังไม่ได้ไปฟุตบอลโลก แต่ก็นับว่าสร้างความสุขให้กับชาวไทยไม่น้อย คงต้องยกเครดิตให้กับ พี่ "ซิโก้"
และทีมงานทุกคน ที่ได้สร้างทีมชาติชุดนี้ขึ้นมา คิดว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว ถ้าเรารักษามาตราฐานของเราไว้ได้แบบนี้ อนาคตข้างหน้า บอลไทยต้องได้ไปบอลโลกแน่นอน เพราะในอาเซียนคิดว่าคงไม่มีทีมไหนดีพอจะสู้กับเราแล้ว สิ่งที่เราต้องก้าวข้ามไปอีกขั้น คือในระดับเอเชีย ซึ่งเรานับว่าเป็นรอง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อย่างมาก เพราะ ทั้งสองทีม เรียกว่าเป็นขาประจำใน ฟุตบอลโลก ไปแล้ว นอกจากนี้ยังมี     ออสเตเรีย ,อิหร่าน และ ซาอุ ที่เราต้องผ่านให้ได้ ถึงจะมีสิทธิ์ ลุ้นเขาไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย
             ในนัดแรกเราทำผลงานได้ดีพอสมควรเก็บสามแต้มในบ้านได้ในการพบกับเวียดนาม โดยเราชนะไป 1 : 0 ด้วยลูกยิงไกลของ ปกเกล้า อนันต์ แต่รูปเกมถือว่ายังไม่ขาด  โดยเฉพาะในจังหวะจบสกอร์ของเรา ยังทำได้ไม่ดีพอ นั้นคือสิ่งที่เราต้องปรับปรุงในนัดต่อไป ก็คงต้องตามเชียร์ตามลุ้นกันต่อไปครับว่าผลสรุปสุดท้ายแล้วจะเป็นยังไง




ต่อไปเรามาพูดถึงทีมชุดเล็กกันบ้างครับ ในฟุตบอลซีเกมส์ ที่สิงคโปร์ ซึ่งทีมไทย สามารถเก็บชัยชนะได้ทุกนัดที่ลงแข่งขัน  ซึ่งผมจะไม่ขอเล่าในรายละเอียดนะครับ แต่จะไม่พูดถึงเลยไม่ได้คือการที่เราต้องชิงแชมป์กลุ่มกับทีมคู่รักคู่แค้นในเวลานี้ นั่นก็คือ ทีมเวียดนาม ที่ดูจะมั่นอกมั่นใจเหลือเกินว่าจะสามารถเอาชนะเราได้ ในรายการนี้ ถือเป็นการล้างตาให้กับทีมชุดใหญ่  แต่แล้วทุกอย่างก็ไม่เกิดขึ้นเหมือนอย่างที่ตั้งใจไว้ และต้องผิดหวังซ้ำสอง ด้วยการแพ้ให้ทีมชาติไทย ไปด้วยสกอร์ 3 : 1 นัดนี้ทีมไทยจัดนักเตะลงแบบถนอมตัวพอสมควร โดยให้ตัวหลักได้พักบ้าง เพื่อการแข่งขันในนัดต่อไป หลังจากนี้คงต้องติดตามกันครับว่าทีมชาติไทยจะสามารถคว้าเหรียญทองมาครองได้สำเร็จหรือเปล่า 





**มองหาช่องทางสร้างได้อยู่ใช้มั้ย!!  eliet-ssc เรามีระบบที่จะทำคุณประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่คลิ๊ก!!


























วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เชือดนิ่มๆ


       สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน จากที่ผมสัญญาไว้ว่าจะเขียนเกี่ยวกับเรื่องของทีม หงส์แดง ลิเวอร์พูล
ทีมโปรดของใครหลายคน ( รวมทั้งผม) ที่ทำผลงานได้น่าผิดหวังเหลือเกินในช่วงท้ายฤดูกาล ทั้งการแพ้ให้กับ แอสตัน วิลล่า ในรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลถ้วย FA Cup แพ้ให้กับ คริสตัล พาเลช นัดส่ง
เจอราร์ด ที่ แอนฟิวส์  และ พลาดท่า โดน สโต๊ค ซิตี้ ยำใหญ่  6-0 ในนัดปิดท้ายฤดูกาล  ทำให้เดอะค๊อป หลายๆคน เรียกร้องให้ ปลด BR  ผู้จัดการทีม ซึ่งดูแล้วอาจไม่เหมาะกับ ทีมใหญ่อย่าง ลิเวอร์พูล และมีเสียงเรียกร้องให้นำ เจอร์เกน  คล๊อปป์ ที่ลาออกจาก ดอร์ทมุน  มาคุมทีมแทน แต่จนแล้วจนรอด  BR ก็ยังได้อยู่คุมทีมต่อไป ในฤดูกาลหน้า หลังจากที่ทาง บอร์ดบริหารของทีมได้ เรียกให้ BR เข้าชี้แจงเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ซึงการตัดสินใจของบอร์ดบริหารครั้งนี้นับว่าขัดใจของแฟนบอลพอสมควร อาจจะด้วยเหตุผลหลายประการที่ทาง บอร์ดยังไม่ปลด BR ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ซับซ้อน และลึกซึ้งที่เหล่าแฟนบอลจะเข้าใจได้ มันต้องมีอะไร มากกว่าที่เราๆท่านๆ คิดไว้แนะนอน ผมลองนึกดูว่าจะมีเหตุผลอะไรที่พอจะเป็นไปได้ ที่ให้ BR คุมทีมต่อ ดังนี้

1. FSG ขี้เหนียว ไม่อยากจ่ายค่าชดเชย กรณีปลด BR 
2. ไม่อยากผิดสัญญา ที่ให้ไว้ตอนที่นำ BR มาคุมทีมครั้งแรก
3. BR คุ้มค่าที่จะเสี่ยง (อีก 1 ปี) เพราะเขาคือคนที่ อยู่ตรงกลาง ระหว่าง ความสำเร็จ กับ ความล้มเหลว
 (FSG ชอบปั้นพวกดาวรุ่ง)
4. ผลงานคุมทีมโดยรวม 3 ปี ตรงตามเป้าหมายที่ FSG กำหนดไว้ คือได้ไปเล่น ยูฟ่า แชมป์เปี้ยน ลีก 
(อาจเป็นแผนงานที่กำหนดไว้)
5. FSG รอเวลาที่เหมาะสม (อาจจะมีสัญญาใจกับใครบางคน)  

ในขณะที่แฟนบอลเริ่มมีความสงสัย ในตัว เจ้าของทีม คือ FSG ว่าตกลงแล้วคุณจะเอายังไงกันแน่กับทีมนี้ จะสร้างให้กลับมายิ่งใหญ่เหมือนเดิม หรือ หวังจะมากอบโกยเอากำไร เหมือนปลิงตัวก่อน กันแน่
 ( นักธุรกิจก็คงต้องหวังผลกำไร ) FSG ก็เริ่มทำในสิ่งทีไม่คาดคิด และไม่มีทีมฟุตบอลในยุโรปทีมใดทำมาก่อน คือการ ปลดโค้ชทีมชุดใหญ่ และ ผู้ช่วยผู้จัดการทีม จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามการเคลื่อนไหวในครั้งนี้นับว่ากดดัน BR เป็นอย่างมาก เพราะคนที่เขาร่วมงานด้วยมาตลอด 3 ปี เจอหน้ากันทุกเช้า ต้องมาจากไป คิดดูซิว่ามันจะหดหู่ขนาดไหน เหมือนเป็นการส่งสัญญานเตือนว่า ถ้าฤดูกาลหน้าไม่ดี คุณก็ต้องไปเช่นกัน (ไม่รู้กี่นัด) เป็นการเชือดไก่ให้ดู แต่เป็นการเชือดแบบนิ่มๆ โดยไม่ให้รู้ตัว เมื่อไม่มีคนที่ไว้ใจแล้ว BR จะทำยังไงต่อไป คนของตัวเองไม่มีเหลือแล้ว ต่อไปจะหันหน้าไปพึ่งใคร 
หลังจากที่ FSG ได้นำทีมงานใหม่เข้ามา ทุกเกมจะเป็นเกมที่พิสูจน์ ให้เห็นว่า BR 
""เป็นตัวจริง หรือ แค่นักแสดงแทน ""