สวัสดี วันแม่แห่งชาติ ครับทุกท่าน ในขณะที่ผมเขียน บทความนี้ คงมีหลายท่านที่ได้อยู่กับคุณแม่ และ ก็คงมีอีกหลายท่าน ที่ไม่มีเวลาจะไปหา แต่ก็ไม่เป็นไรครับถึงจะไม่ได้อยู่ด้วย ก็ขอให้คิดถึงท่าน หมั่นโทรไปหา ทุกวัน ผมคิดว่าเท่านี้ท่านก็พอใจแล้ว ที่สำคัญอย่าให้ความสำคัญกับวันนี้เพียงวันเดียว ควรทำให้ทุกวันเป็นวันแม่ เหมือนกับที่แม่ทำทุกวันให้เป็นวันลูกนะครับ
มาว่ากันในเรื่องของเราในบทความนี้ ตามหัวเรื่อง "สเปน ดินแดนสวรรค์ของนักเตะ อเมริกาใต้" จริงหรือ? หลังจากที่ บาร์เซโลน่า ตกลงขาย เนย์มาร์ ให้กับ PSG ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ด้วยค่าตัวเป็นสถิติโลก 222 ล้าน ยูโร ไม่ต้องไปคำนวนให้ปวดหัวนะครับ รู้ไว้ก็พอ ว่ามันเยอะมากๆ สำหรับนักเตะคนหนึ่งจะมีค่าได้ ก็ส่งผลกระทบ เป็น โดมิโน ไปยังสโมสรอื่นๆ ที่ทาง บาร์ซ่า สนใจจะ นำนักเตะเข้ามาเพื่อทดแทน เนย์มาร์ มีทั้ง อุสมา เดมเบเล่ ของ ดอร์ทมุน ทีมดังเมืองเบียร์
เอเดน อาร์ซา ของ สิงโตน้ำเงิน อังกฤษ แต่ที่มีความเคลื่อนไหว และได้ดำเนินการอย่างจริงจังที่สุด ก็คือ ดึล ของ ฟิลิเป้ คูตินโญ่ นักเตะ ลิเวอร์พูล ซึ่งทีมยักษ์ใหญ่ คาตาลัน ได้ทำทุกวิถีทาง เพื่อกดดันให้ ลิเวอร์พูล ยอมขายนักเตะให้ ทั้งการประโคมข่าว ในสื่อของสเปน และ การบินมาเจรจา ด้วยตัวเองกับทางสโมสร ตามภาพข่าวที่ออกมา จากหลายสำนัก เช่น SKY sport ,BBC และ ทางสื่อของ ลิเวอร์พูลเอง
คงปฏิเสธไม่ได้นะครับว่า บาร์เซโลน่า คือ สโมสรที่ประสบความสำเร็จมากมาย และเป็นความใฝ่ฝันของนักเตะหลายคน ที่อยากไปอยู่ด้วย โดยเฉพาะ นักเตะที่มาจาก ทวีป อเมริกาใต้ เช่น บราซิล, อาร์เจนติน่า อุรุกวัย เป็นต้น นอกจากที่เป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากมายแล้ว บาร์ซ่า ยังอุดมไปด้วยนักเตะระดับโลก ของวงการฟุตบอล มากมาย โดยเฉพาะนักเตะที่เป็นแม่เหล็ก และเป็นเหมือน สัญญาลักษณ์ ของสโมสร ไปแล้ว อย่าง ลิโอ แมสซี่ ซึ่งนักเตะส่วนใหญ่ก็อยากมีโอกาสสักครั้งในชีวิต ที่ได้ร่วมเล่น กับนักเตะ อัฉริยะ อย่างเขา
ฟิลลิป คูตินโญ่ คือนักเตะ คนล่าสุด ที่อยากขายวิณญาณ ให้กับ บาร์เซโลน่า ถ้าผมจำไม่ผิด ช่วงที่เขามีข่าวกับ บาร์ซ่า ใหม่ๆ เขาเองเคยบอกกับสื่อว่า "เขาอยากเป็นตำนานให้กับทีมๆหนึ่งให้คนพูดถึง มากว่า ยอมไปเป็นนักเตะ คนหนึ่งในทีม" ซึ่งเป็นคำพูดที่ได้ใจจาก เหล่า เดอร์ค็อปไปเต็มๆ หากเราคิดตามมันคือถ้อยคำ ที่แฝงไปด้วยความรู้สึก ของการจงรักภักดี หรือ ที่คำฝรั่งเขาเรียกว่า Royalty กับสโมสร ที่ชุปเลี้ยงตัวเขาให้เติบโต มามีชื่อเสียง อย่างทุกวันนี้ แต่เมื่อเวลาเปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยนแปลงได้ โดยเฉพาะคำพูดของคน ทีี่มันง่ายแค่พลิกลิ้น ขอประเด็นนี้เรามาว่ากันในบทความหน้า เดี๋ยวออกนอกประเด็นนี้ไปไกล 5555
กลับมาที่เรื่อง สเปน หากเราจะมาวิเคราะห์กันจริงแล้ว คงไม่ใช้ มีแค่ แมสซี่ เพียงอย่างเดียว ที่ทำให้นักเตะ อเมริกาใต้ ใฝ่ฝันอย่างไปอยู่ สเปน เรามาลองดูกันครับว่า มีปัจจัย อะไรกันบ้าง ที่ทำให้พวกเขาอยากย้ายไปอยู่ที่สเปน
1.ค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น แนะนอนครับ เมื่อมีการโยกย้ายทีมเกิดขึ้น แต่ละครั้ง ตัวนักเตะเองต้องได้รับผลประโยชน์ที่มากขึ้น กว่าเดิม นักเตะจึงจะต้องการย้าย หากไม่ได้มีปัญหากับทีม ด้วยอายุของอาชีพที่สั้น นักเตะจึงมองประเด็นของรายได้ เป็นหลัก ในการตัดสินใจ ยกเว้น นักเตะที่เริ่มอายุมากและรวยรา
2.ภาษี เรื่องนี้ขอย้อนกลับไปประมาณ ปี 2 ปีที่แล้วนะครับ จากที่ทราบมา ภาษี รายได้ส่วนบุคคลในแต่ละประเทศนั้นไม่เท่ากัน ที่ประเทศสเปน จะมีอัตราการเก็บภาษี/ปี อยู่ที่ 43% ของรายได้ทั้งหมด (ก่อนปรับใหม่ เป็น 52% /ปี) ซึ่งในอังกฤษ จะมีอัตราอยู่ที่ 45% ซึ่งมากกว่า ในข้อนี้ คงจะตกไปใน กรณีของ คูตี้ ครับ แต่หากใครที่ได้ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับฟุตบอลมาตลอดจะเห็นว่า ในสเปน จะมีข่าวกรณี นักเตะ ดังๆหลายคน ที่โดนข้อหา เลี่ยงภาษี แมสซี่ ,โรนัลโด้ โดนหมด เราจึงเห็น เจ็ทโด้ ดิ้นหนีออกจากชุดขาว เพราะเขาไม่เคยโดนข้อหานี้ตอนที่อยู่อังกฤษ เมื่อต้องมาโดนย้อนหลังแบบนี้เราอาจจะได้เห็นสตาร์ดังหลายคน ออกจากสเปน อ้าวสรุปแล้ว มันเป็นข้อดีหรือข้อเสียกันแน่ละแบบนี้ 555
3.วัฒนธรรม และ ภาษา ในประเทศสเปน มีวัฒนธรรม ที่ใกล้เคียง กับ อเมริกาใต้ และใช้ ภาษาที่เหมือนกัน บวกกับ สภาพอากาศและภูมิประเทศที่คล้ายคลึงกัน ทำให้นักเตะที่มาจากอเมริกาใต้ ปรับตัวได้ง่าย หรือ แทบจะไม่ต้องปรับตัวเลย ต่างจากประเทศอังกฤษ ที่มีฝนตกซุกตลอดทั้งปี แถมยังมีโปรแกรมการแข่งขัน ที่ต่อเนื่องไม่มีการพัก ในฤดูหนาว ซึ่งมันส่งผลทำให้นักเตะที่มาจากสภาพอากาศคนละแบบปรับตัวได้ลำบาก และมีความเสี่ยงที่จะบาดเจ็บยาวๆ ได้ง่าย
4.ครอบครัว เราเองก็คงไม่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ครอบครัวคือส่่ิงที่สำคัญที่สุด ของทุกคน นักเตะเองก็เช่นกัน ถึงจะมีความรักในสโมสร ที่อยู่ด้วยขนาดไหน แต่ถ้าไม่ใช้ คนท้องถิ่น เกิด และ เติบโต ที่นั่น หากครอบครัวไม่มีความสุขแล้ว ก็ต้องยอมละทิ้งในส่ิงที่รักไป เพื่อแลกกับสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต
5.การได้ยกระดับตัวเอง นักเตะจำเป็นต้องมีการพัฒนา เพื่อขึ้นไปถึงจุดที่เป็นสุดยอดของอาชีพตัวเอง การได้อยู่ในสิ่งแวดล้อม ที่อุดมไปด้วยนักเตะระดับโลกมากมาย มันจะทำให้ตัวเองได้พัฒนาไปด้วย
ซึ่งก็จะตรงกับ คำที่ว่า หากคุณยังทำอะไรแบบเดิมๆ ก็ไม่มีทางที่จะได้ผลลัพท์ใหม่ ซึ่งก็เป็นความจริงที่ต้องเข้าใจ ประเด็นนี้ก็มีหลายคนที่อยากจะพัฒนาจริงๆ และก็มีอีกหลายคนที่ใช้เป็นแค่ข้ออ้างในการย้ายทีมเฉยๆ
6.หนี้ความดุเดือด เลือดพล่าน ของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คือ ลีกฟุตบอลอันดับ 1 ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดทั่วโลก เพราะสไตล์การเล่นที่ดุเดือด เร้าใจ ตื่นเต้น ทุกนาที มีเล่นที่รวดเร็ว หนักหน่วง ถึงลูกถึงคนชนิดที่ว่า ไม่มีเวลาได้หายใจ ซึ่งต่างจาก สเปน หรือ ใน อิตาลี ที่จะเน้นเรื่องแท็กติค มากกว่า จะแลกกันแบบเอาเป็นเอาตาย เกมที่เกิดขึ้นจะเป็นลักษณะ ค่อยเป็นค่อยไป ทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ ก็ถ่ายบอลไปเรื่อย ซึ่งมันเป็นสไตล์ที่นักเตะ ฝั่งอเมริกาใต้ชอบ เพราะได้โชว์ลีลาแซมบ้าได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลว่า ขาจะหักหรือเปล่า รวมถึง สภาพร่างกายของพวกเขายังค่อนข้างที่จะบอบบ้าง ซะเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะนักเตะที่มี ทักษะ ลีลา และความเร็ว จะตัวเล็กๆ ไม่ต่างอะไรกับคนไทย เลย
ผมลองคิดเล่นว่า ถ้า แมสซี่ ย้ายมาเล่น ในอังกฤษ บ้างจะเป็นอย่างไร เขายังจะยิงได้ 40-50 ประตูต่อฤดูกาล ได้รึเปล่า เราจะเห็นเขาเลี้ยงบอลผ่าน 4-5 คนได้มั้ย ในอังกฤษ หรือ จะจอดที่ 2 คนแล้วโดนเตะกระจาย อันนี้อยากเห็นมากๆ
ปัจจัยทั้ง 6 ข้อ จากทัศนะของผมเป็นยังไงบ้างครับ ตรงกับที่หลายคนคิดไว้ รึเปล่า สิ่งที่ผมจะสื่อก็คือว่า การกระทำทุกอย่างของมนุษย์ มันมาจากแรงขับเคลื่อนที่มาจากภายใน แทบทั้งสิ้น ทุกอย่าง ย่อมมีเหตุและมีผลของมันเสมอ ดังนั้น เราไม่ควรตัดสินใคร เพียงเพราะเรารับรู้เรื่องราวของเขาแค่เพียงภายนอก แต่ให้เข้าใจในสิ่งที่เขาทำ เพราะเราไม่มีวันรู้เลยว่า เขาทำแบบนั้นทำไม จนกว่าเราจะได้อยู่ในสถานการณ์นั้น
"สวรรค์ จะอยู่ที่ไหนก็ได้ อยู่ที่เราคิด ดังสุภาษิตไทย ที่ว่า "คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก" คนมีบ้านใหญ่โต ก็ใช่ว่าจะมีความสุข มากกว่า คนที่อยู่กระต๊อบเล็กๆ หากใจเป็นทุกข์ คฤหาสถ์หรู ก็สามารถเป็น นรกได้"
#Cap.rojer13
#ขอบคุณที่ติดตาม
#Kurubanban
มาว่ากันในเรื่องของเราในบทความนี้ ตามหัวเรื่อง "สเปน ดินแดนสวรรค์ของนักเตะ อเมริกาใต้" จริงหรือ? หลังจากที่ บาร์เซโลน่า ตกลงขาย เนย์มาร์ ให้กับ PSG ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ด้วยค่าตัวเป็นสถิติโลก 222 ล้าน ยูโร ไม่ต้องไปคำนวนให้ปวดหัวนะครับ รู้ไว้ก็พอ ว่ามันเยอะมากๆ สำหรับนักเตะคนหนึ่งจะมีค่าได้ ก็ส่งผลกระทบ เป็น โดมิโน ไปยังสโมสรอื่นๆ ที่ทาง บาร์ซ่า สนใจจะ นำนักเตะเข้ามาเพื่อทดแทน เนย์มาร์ มีทั้ง อุสมา เดมเบเล่ ของ ดอร์ทมุน ทีมดังเมืองเบียร์
เอเดน อาร์ซา ของ สิงโตน้ำเงิน อังกฤษ แต่ที่มีความเคลื่อนไหว และได้ดำเนินการอย่างจริงจังที่สุด ก็คือ ดึล ของ ฟิลิเป้ คูตินโญ่ นักเตะ ลิเวอร์พูล ซึ่งทีมยักษ์ใหญ่ คาตาลัน ได้ทำทุกวิถีทาง เพื่อกดดันให้ ลิเวอร์พูล ยอมขายนักเตะให้ ทั้งการประโคมข่าว ในสื่อของสเปน และ การบินมาเจรจา ด้วยตัวเองกับทางสโมสร ตามภาพข่าวที่ออกมา จากหลายสำนัก เช่น SKY sport ,BBC และ ทางสื่อของ ลิเวอร์พูลเอง
คงปฏิเสธไม่ได้นะครับว่า บาร์เซโลน่า คือ สโมสรที่ประสบความสำเร็จมากมาย และเป็นความใฝ่ฝันของนักเตะหลายคน ที่อยากไปอยู่ด้วย โดยเฉพาะ นักเตะที่มาจาก ทวีป อเมริกาใต้ เช่น บราซิล, อาร์เจนติน่า อุรุกวัย เป็นต้น นอกจากที่เป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากมายแล้ว บาร์ซ่า ยังอุดมไปด้วยนักเตะระดับโลก ของวงการฟุตบอล มากมาย โดยเฉพาะนักเตะที่เป็นแม่เหล็ก และเป็นเหมือน สัญญาลักษณ์ ของสโมสร ไปแล้ว อย่าง ลิโอ แมสซี่ ซึ่งนักเตะส่วนใหญ่ก็อยากมีโอกาสสักครั้งในชีวิต ที่ได้ร่วมเล่น กับนักเตะ อัฉริยะ อย่างเขา
ฟิลลิป คูตินโญ่ คือนักเตะ คนล่าสุด ที่อยากขายวิณญาณ ให้กับ บาร์เซโลน่า ถ้าผมจำไม่ผิด ช่วงที่เขามีข่าวกับ บาร์ซ่า ใหม่ๆ เขาเองเคยบอกกับสื่อว่า "เขาอยากเป็นตำนานให้กับทีมๆหนึ่งให้คนพูดถึง มากว่า ยอมไปเป็นนักเตะ คนหนึ่งในทีม" ซึ่งเป็นคำพูดที่ได้ใจจาก เหล่า เดอร์ค็อปไปเต็มๆ หากเราคิดตามมันคือถ้อยคำ ที่แฝงไปด้วยความรู้สึก ของการจงรักภักดี หรือ ที่คำฝรั่งเขาเรียกว่า Royalty กับสโมสร ที่ชุปเลี้ยงตัวเขาให้เติบโต มามีชื่อเสียง อย่างทุกวันนี้ แต่เมื่อเวลาเปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยนแปลงได้ โดยเฉพาะคำพูดของคน ทีี่มันง่ายแค่พลิกลิ้น ขอประเด็นนี้เรามาว่ากันในบทความหน้า เดี๋ยวออกนอกประเด็นนี้ไปไกล 5555
กลับมาที่เรื่อง สเปน หากเราจะมาวิเคราะห์กันจริงแล้ว คงไม่ใช้ มีแค่ แมสซี่ เพียงอย่างเดียว ที่ทำให้นักเตะ อเมริกาใต้ ใฝ่ฝันอย่างไปอยู่ สเปน เรามาลองดูกันครับว่า มีปัจจัย อะไรกันบ้าง ที่ทำให้พวกเขาอยากย้ายไปอยู่ที่สเปน
1.ค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น แนะนอนครับ เมื่อมีการโยกย้ายทีมเกิดขึ้น แต่ละครั้ง ตัวนักเตะเองต้องได้รับผลประโยชน์ที่มากขึ้น กว่าเดิม นักเตะจึงจะต้องการย้าย หากไม่ได้มีปัญหากับทีม ด้วยอายุของอาชีพที่สั้น นักเตะจึงมองประเด็นของรายได้ เป็นหลัก ในการตัดสินใจ ยกเว้น นักเตะที่เริ่มอายุมากและรวยรา
2.ภาษี เรื่องนี้ขอย้อนกลับไปประมาณ ปี 2 ปีที่แล้วนะครับ จากที่ทราบมา ภาษี รายได้ส่วนบุคคลในแต่ละประเทศนั้นไม่เท่ากัน ที่ประเทศสเปน จะมีอัตราการเก็บภาษี/ปี อยู่ที่ 43% ของรายได้ทั้งหมด (ก่อนปรับใหม่ เป็น 52% /ปี) ซึ่งในอังกฤษ จะมีอัตราอยู่ที่ 45% ซึ่งมากกว่า ในข้อนี้ คงจะตกไปใน กรณีของ คูตี้ ครับ แต่หากใครที่ได้ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับฟุตบอลมาตลอดจะเห็นว่า ในสเปน จะมีข่าวกรณี นักเตะ ดังๆหลายคน ที่โดนข้อหา เลี่ยงภาษี แมสซี่ ,โรนัลโด้ โดนหมด เราจึงเห็น เจ็ทโด้ ดิ้นหนีออกจากชุดขาว เพราะเขาไม่เคยโดนข้อหานี้ตอนที่อยู่อังกฤษ เมื่อต้องมาโดนย้อนหลังแบบนี้เราอาจจะได้เห็นสตาร์ดังหลายคน ออกจากสเปน อ้าวสรุปแล้ว มันเป็นข้อดีหรือข้อเสียกันแน่ละแบบนี้ 555
3.วัฒนธรรม และ ภาษา ในประเทศสเปน มีวัฒนธรรม ที่ใกล้เคียง กับ อเมริกาใต้ และใช้ ภาษาที่เหมือนกัน บวกกับ สภาพอากาศและภูมิประเทศที่คล้ายคลึงกัน ทำให้นักเตะที่มาจากอเมริกาใต้ ปรับตัวได้ง่าย หรือ แทบจะไม่ต้องปรับตัวเลย ต่างจากประเทศอังกฤษ ที่มีฝนตกซุกตลอดทั้งปี แถมยังมีโปรแกรมการแข่งขัน ที่ต่อเนื่องไม่มีการพัก ในฤดูหนาว ซึ่งมันส่งผลทำให้นักเตะที่มาจากสภาพอากาศคนละแบบปรับตัวได้ลำบาก และมีความเสี่ยงที่จะบาดเจ็บยาวๆ ได้ง่าย
4.ครอบครัว เราเองก็คงไม่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ครอบครัวคือส่่ิงที่สำคัญที่สุด ของทุกคน นักเตะเองก็เช่นกัน ถึงจะมีความรักในสโมสร ที่อยู่ด้วยขนาดไหน แต่ถ้าไม่ใช้ คนท้องถิ่น เกิด และ เติบโต ที่นั่น หากครอบครัวไม่มีความสุขแล้ว ก็ต้องยอมละทิ้งในส่ิงที่รักไป เพื่อแลกกับสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต
5.การได้ยกระดับตัวเอง นักเตะจำเป็นต้องมีการพัฒนา เพื่อขึ้นไปถึงจุดที่เป็นสุดยอดของอาชีพตัวเอง การได้อยู่ในสิ่งแวดล้อม ที่อุดมไปด้วยนักเตะระดับโลกมากมาย มันจะทำให้ตัวเองได้พัฒนาไปด้วย
ซึ่งก็จะตรงกับ คำที่ว่า หากคุณยังทำอะไรแบบเดิมๆ ก็ไม่มีทางที่จะได้ผลลัพท์ใหม่ ซึ่งก็เป็นความจริงที่ต้องเข้าใจ ประเด็นนี้ก็มีหลายคนที่อยากจะพัฒนาจริงๆ และก็มีอีกหลายคนที่ใช้เป็นแค่ข้ออ้างในการย้ายทีมเฉยๆ
6.หนี้ความดุเดือด เลือดพล่าน ของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คือ ลีกฟุตบอลอันดับ 1 ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดทั่วโลก เพราะสไตล์การเล่นที่ดุเดือด เร้าใจ ตื่นเต้น ทุกนาที มีเล่นที่รวดเร็ว หนักหน่วง ถึงลูกถึงคนชนิดที่ว่า ไม่มีเวลาได้หายใจ ซึ่งต่างจาก สเปน หรือ ใน อิตาลี ที่จะเน้นเรื่องแท็กติค มากกว่า จะแลกกันแบบเอาเป็นเอาตาย เกมที่เกิดขึ้นจะเป็นลักษณะ ค่อยเป็นค่อยไป ทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ ก็ถ่ายบอลไปเรื่อย ซึ่งมันเป็นสไตล์ที่นักเตะ ฝั่งอเมริกาใต้ชอบ เพราะได้โชว์ลีลาแซมบ้าได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลว่า ขาจะหักหรือเปล่า รวมถึง สภาพร่างกายของพวกเขายังค่อนข้างที่จะบอบบ้าง ซะเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะนักเตะที่มี ทักษะ ลีลา และความเร็ว จะตัวเล็กๆ ไม่ต่างอะไรกับคนไทย เลย
ผมลองคิดเล่นว่า ถ้า แมสซี่ ย้ายมาเล่น ในอังกฤษ บ้างจะเป็นอย่างไร เขายังจะยิงได้ 40-50 ประตูต่อฤดูกาล ได้รึเปล่า เราจะเห็นเขาเลี้ยงบอลผ่าน 4-5 คนได้มั้ย ในอังกฤษ หรือ จะจอดที่ 2 คนแล้วโดนเตะกระจาย อันนี้อยากเห็นมากๆ
ปัจจัยทั้ง 6 ข้อ จากทัศนะของผมเป็นยังไงบ้างครับ ตรงกับที่หลายคนคิดไว้ รึเปล่า สิ่งที่ผมจะสื่อก็คือว่า การกระทำทุกอย่างของมนุษย์ มันมาจากแรงขับเคลื่อนที่มาจากภายใน แทบทั้งสิ้น ทุกอย่าง ย่อมมีเหตุและมีผลของมันเสมอ ดังนั้น เราไม่ควรตัดสินใคร เพียงเพราะเรารับรู้เรื่องราวของเขาแค่เพียงภายนอก แต่ให้เข้าใจในสิ่งที่เขาทำ เพราะเราไม่มีวันรู้เลยว่า เขาทำแบบนั้นทำไม จนกว่าเราจะได้อยู่ในสถานการณ์นั้น
"สวรรค์ จะอยู่ที่ไหนก็ได้ อยู่ที่เราคิด ดังสุภาษิตไทย ที่ว่า "คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก" คนมีบ้านใหญ่โต ก็ใช่ว่าจะมีความสุข มากกว่า คนที่อยู่กระต๊อบเล็กๆ หากใจเป็นทุกข์ คฤหาสถ์หรู ก็สามารถเป็น นรกได้"
#Cap.rojer13
#ขอบคุณที่ติดตาม
#Kurubanban
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น