วันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2560

อาร์เซ..น่อล VS อาร์เซ...เน่า

   สวัสดีครับ หากใครได้ดู เกม บิ๊กแมตซ์ พรีเมียร์ลีก ในวันอาทิตย์ที่ 27 ส.ค.60 ระหว่าง ลิเวอร์พูล
กับ อาร์เซน่อล  ซึ่งผลปรากฎว่า ลิเวอร์พูล เจ้าบ้านเปิดแอนฟิวส์ อัดเจ้าปืนใหญ่จนกระบอกแตก 4 ต่อ 0  กลับบ้านไม่เป็น เรียกได้ว่าเป็นเกมที่ย่ำแย่ที่สุดของ อาร์เซน่อล อีกเกมหนึ่ง หลังจากที่เกมก่อนหน้านี้พึ่งแพ้ให้กับ สโต๊ค มา 0-1


จากหัวเรื่องของผม ไม่ได้จะล้อเลียนอะไร ทีมปืนใหญ่ นะครับ แต่พยายามจะวิเคราห์ให้เห็นว่า การทำทีมของ เจ๊เหี่ยว ใกล้มาถึงทางตัน แล้วหรือยัง? หากจะวัดประสบการณ์ในการทำทีมของ ผจก.ทีมทั้่งหมดในพรีเมียร์ลีก ตอนนี้ คงไม่มีใครจะโส เท่ากับ อาร์เซน แวนเกอร์ อีกแล้ว เกีือบ 20 ปีที่ เจ๊เหี่ยวของเรากุมบังเหียน ทีมปืนใหญ่ ซึ่ง ผจก.ทีม รุ่นราวคราวเดียวกัน ต่างอำลาทีมไปพักผ่อนอยู่ที่บ้านกันเลี้ยงหลานกันหมดแล้วแต่ เจ็แก ยังไม่มีทีท่าว่าจะวางมือ การทำทีมพ่ายแพ้ให้กับ เจอร์เก้น คล๊อป ไม่ใช้ครั้งแรก ถ้าหากใครยังจำได้ ในช่วงต้นฤดูกาลที่แล้ว อาร์เซน่อล ก็พ่ายแพ้ให้กับ ลิเวอร์พูล คาบ้าน ด้วยสกอร์ 3 ประตูต่อ 4

ถ้าเราจะพูดถึง สไตล์การทำทีม ของ ผจก.ทีมทั้ง 2 คน นั้นมีความใกล้เคียงกันมาก ทั้งการเลือกนักเตะที่ชอบนักเตะ มีความเร็ว คล่องตัว และเล่นได้หลายตำแหน่ง การเล่นบอลบนพื้น ทำชิ่่ง สวยงาม การเข้ากดดันคู่แข่งเร็ว จากสไตล์ที่ใกล้เคียงกัน เมื่อทั้ง 2 ทีมนี้มาพบกันเมื่อไหร่ ความมันก็บังเกิดขึ้นเมื่อนั้น
เราจะเห็นได้จากสกอร์ที่เกิดขึ้นต้องมี 2 ลูกเป็นอย่างต่ำ เมื่อทั้งคู่พบกัน

แต่สถิติในเกมล่าสุด บ่งบอกว่า อาร์เซน่อล ไม่ได้เข้าใกล้มาตราฐานของตัวเองเลยแม้แต่น้อย เจ้าปืนใหญ่สร้างสถิติใหม่ที่ไม่น่าจดจำให้เกิดขึ้น คือ ทีมไม่สามารถยิงให้เข้ากรอบได้แม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งมันบ่งบอกว่า เกมรุกของ อาร์เซน่อล ด้อยประสิทธิภาพมากแค่ไหน ขนาดมี ตัวรุกระดับพระกาฬอยู่ในทีม ทั้ง
อเล็กซีส ,โอซิล และ ตัวใหม่ อย่าง ลากาแซต แต่เจ้าปืนใหญ่ กลับไม่สามารถสร้างความกดดันให้กับเกมรับของลิเวอร์พูล ได้เลย ในทางกลับกัน ทีมหงส์แดง สามารถยิงเข้ากรอบระดับ 10 ครั้งต่อเกม ได้เป็นหนที่ 4 ทั้ง เฟอร์มีโน ,มาเน่ และ ซาล่า ผลัดกันทำประตู อย่างเมามัน

ทำไม อาร์เซน่อล ถึงเป็นแบบนี้ และ กำลังจะ..เน่า

#เวนเกอร์ หมดไฟ 

การประสบความสำเร็จ ในยุคไร้พ่ายของ อาร์เซน่อล ขึ้นสู่จุดสุงสุดของ อาชีพ ผจก.ทีม ของ เวนเกอร์ จาก ผจก.โนเนม ในลีก ญี่ปุ่น เข้ามากุมบังเหียน ทีมปืนใหญ่ แห่งลอนดอน
จนสามารถพาทีมประสบความสำเร็จอย่างมากมาย ด้วยการปุกปั้นขุนพลที่ตอนนั้นยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ให้ขึ้นมาเป็นซุปตาร์ได้ ฟันเฟืองสำคัญ คือ เธียรี่ ออรี่, ปาทริค วิเอร่า ,โรแบร์ ปิแรส 3 ขุนพลจากฝรั่งเศส บวกกับ กำแพงเหล็ก อย่าง โทนี่ อดัม ,มาติน คีโอน ทำให้อาร์เซนอล ชุดไร้พ่ายของแวงเกอร์ไร้เทียมทานแกร่งทั่วแผน สไตล์การเล่นบอลกับพื้นในยุคนั้นดูเหมือนจะเป็นอะไรที่แปลกใหม่ในวงการฟุตบอลอังกฤษ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีสไตล์แบบ ไดเรก ฟุตบอล คือ โยนยาวเป็นหลัก เมื่อมาเจอกับฟุตบอลที่เล่นบนพื้นและรวดเร็วต่างก็รับมือไม่ทัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปสไตล์ฟุตบอลอังกฤษก็เริ่มเปลี่ยน ฟุตบอลสไตล์ ลาติน/สเปน ติกะตากะ เริ่มถูกนำมาใช้มากขึ้น สไตล์ของอาร์เซน่อล ก็เหมือนจะถูกแก้ลำ และด้วยอายุของ เวนเกอร์ ก็ดูจะไม่สามารถคิดค้น สไตล์ใหม่ขึ้นมาได้ ถึงแม้จะเปลี่ยน ระบบการเล่น มาเป็น
3-4-3 ก็ตาม แต่ความเข้าใจในเกมของนักเตะนั้นกลับไม่มีเลย

#นักเตะ ขาดความกระหาย

ปัญหาคาราคาซัง ของนักเตะภายในทีม นักเตะระดับสตาร์ของทีมปืนใหญ่หลายคนต้องการย้ายออกจากสโมสร ทั้่ง เมซุส โอซิล ,อเล็กซีส ซานเชส และ อเล็ก ออกซ์เลด แชมเบอร์เลน ต่างไม่ยอมต่อสัญญาระยะยาวกับสโมสร รวมถึง นักเตะที่ เวนเกอร์นำเข้ามาใหม่ ก็ไม่ค่อยได้รับโอกาส มากนัก ส่งผลทำให้ บรรยากาศ ภายในทีม มันดูอึมครึม ขาดความสามัคคี ความเข้าใจในทีม ผลที่ออกมาก็คือ ต่างคนต่างเล่น ไม่สอดประสานกัน ต่างจากคู่แข่งอย่าง ลิเวอร์พูล ที่ยิ่งเล่นยิ่งเข้าใจซึ่งกันและกัน แบบมองตารู้ใจ
การเล่นทั้งมีบอลและไม่มีบอล หากลองวิเคราะห์ดูจากเกม จะเห็นว่าเป็นระบบมากๆ ถ้าหากเราลองเทียบตัวนักเตะของ อาร์เซน่อล และ ลิเวอร์พูล นักเตะของ ปืนใหญ่ ดูจะมีภาษีดีกว่านักเตะของ ลิเวอร์พูล อยุู่ไม่น้อย แต่สิ่งเดียวที่สร้างความแตกต่าง และทำให้ อาร์เซน่อล พ่ายแพ้ ก็คือ สภาพจิตใจของนักเตะ ที่ต่างกันคนละขั้ว

#เปลี่ยนแปลงระบบการเล่น

เวนเกอร์ เลือกที่จะใช้ระบบยอดนิยมในยุคนี้ คือ 3-4-3 ซึ่งไม่ใช้ระบบที่พวกเข้าคุ้นเคย การใช้
3 เซนเตอร์ ที่ซ้อมร่วมกันน้อย และไม่ใช้ เซนเตอร์แบ็กอาชีพทั้งหมด มารับมือ กับ 3 ตัวรุกขั้นเทพ ของลิเวอร์พูล ถือว่าเป็นความผิดพลาดมหัน เพราะการเล่น 3 เซนเตอร์แบ็ก เปิดพื้นที่ด้านข้างให้กับ ตัวรุกที่มีความเร็วของลิเวอร์พูล เข้าโจมตีได้ง่าย เราจึงเห็น ทั้ง มาเน่ และ ซาล่า ป่วนเปี้ยน อยู่หน้าประตู
อาร์เซน่อล อยู่ตลอด การใช้บอลทะลุช่อง หรือ เปิดบอลให้ข้ามกองหลัง สร้างสรรค์ประตูให้กับ ลิเวอร์พูล ได้

#ความดื้อ

ความมั่นใจในตัวนักเตะ ดาวรุ่ง มากเกินไป ของ เจ๊เหี่ยว ดูเหมือนจะเป็นผลร้ายมากกว่าผลดี คงไม่มีใครสงสัยในความสามารถในการปั้นนักเตะของ เวนเกอร์ เพราะเข้าสร้างนักเตะ โนเนม ให้แจ้งเกิด มาแล้วหลายต่อหลายคน อองรี่,  วิเอร่า, เชส ฟราเบกราส และ โรบิน ฟานเปอร์ซี่ คือ ผลผลิต ที่ เวนเกอร์ สร้างขึ้นมา ถึงจะไม่ใช้ ลูกหม้อของสโมสร แต่พวกเขา ก็เกิดมาจากนักเตะ โนเนม ที่ผ่านการเจียรไน ของ
 เวนเกอร์ แต่ยุคนี้ กับ ยุคนั้น ต่างกันมาก การให้นักเตะ ที่ยังไม่ผ่านการพิสูจน์ ลงเล่นในเกมที่มีความกดดันสูง ไม่ใช้สิ่งที่ดี นักเตะดาวรุ่ง อาจมีฝีเท้าดี มีความมั่นใจ แต่สิ่งที่พวกเขายังต้องเรียนรู้ คือ ประสบการณ์ และ การรับมือกับความกดดันที่เกิดขึ้น หลายคนอาจจะคิดว่า ลิเวอร์พูลก็ใช้เหมือนกัน ทำไมถึงเล่นดี  สถานการณ์ของ ลิเวอร์พูล กับ อาร์เซน่อล นั้นต่างกัน ลิเวอร์พูล ไม่มีนักเตะให้เลือกใช้มากนัก จำเป็นต้องดันนักเตะดาวรุ่งขึ้นมาเล่นแทนตัวหลักที่บาดเจ็บ แต่ถ้าหากเราสังเกตุ ความละเอียดดูให้ดี จะเห็นว่า ผจก.JK เลือกดาวรุ่งที่เล่นเกมรับดีและตัวใหญ่ มาใช้กับ อาร์เซน่อล การเลือก โจ โกเมซ มารับมือกับ อเล็กซีส  ถือว่าได้ผลมาก ถ้าหากเขาเลือก อาร์โนล มาเล่นแทน เกมนี้อาจไม่ได้ออกมาแบบที่เห็น ต่างจาก เวนเกอร์ ที่เลือก โฮดดิ้ง มายืนแทน มุสตาฟี และ คอลาซินาส ที่เป็นนักเตะระดับทีมชาติและมีประสบการณ์ในเกมใหญ่ๆ ผลที่ออกมาจึงดูผิดที่ผิดทาง โฮดดิ้ง กลายเป็นบ่อน้ำมันขนาดใหญ่ ให้ มาเน่ เล่นงาน

หลังจากผ่านไปแล้ว 3 เกม ปัจจุบัน ทีมปืนใหญ่ อยู่ที่ อันดับ 16 ในตารางคะแนน การแข่งขันเพียง 3 นัดอาจตัดสินอะไรไม่ได้ แต่ถ้าหาก อาร์เซน่อล ยังไม่รีบแก้ไข ส่ิ่งที่เกิดขึ้น อาจจะไม่ใช้ แค่ เซ เฉยๆ แต่อาจถึงขั้น หายนะ

แล้ว "อาร์เซน่อล" ก็จะกลายเป็น "อาร์เซเน่า" ที่ถูกล้ออย่างสนุกปาก

น่าเป็นห่วงครับบ

#Cap.rojer13
#ขอบคุณที่ติดตาม

ไม่มีความคิดเห็น: