วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2558
ความพ่ายแพ้ที่แอนฟิวส์
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของ ทีมลิเวอร์พูล ที่พ่ายแพ้คาบ้านให้กับทีมระดับกลางหรือระดับเล็กๆ เราอาจจะเห็นจนชินตาในฤดูกาลก่อน แต่การพ่ายแพ้ให้กับ ทีมเวสต์แฮม ในครั้งนี้เป็นการทำลายสถิติที่ลิเวอร์พูลได้สร้างไว้มาอย่างยาวนานถึง 42 ปี คือการไม่แพ้ให้กับทีมขุนค้อนในบ้าน มันบ่งบอกถึงอะไร?
ฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล ดูเหมือนจะออกสตาร์ท ฤดูกาลได้ดี ด้วยการ ชนะ 2 เสมอ 1 เก็บได้ 7 คะแนน ดูเหมือนทุกอย่างกำลังดำเนินไปในทิศทางที่ถูกต้อง แต่แล้วก็มาหยุดชงักในนัด ที่ 4 ด้วยพ่ายแพ้ต่อทีมขุนค้อน มันอาจจะวัดผลอะไรไม่ได้ เพราะยังเร็วเกินไปที่จะตัดสินลิเวอร์พูล เพราะทีมใหญ่ทีมอื่นก็พลาดเหมือนกัน ไม่ว่า จะเป็น อาเซน่อล ที่แพ้มาก่อน หรือ เชลซี ที่ออกสตาร์ทได้ไม่ดีเช่นกัน แต่สิ่งที่ลิเวอร์พูลยังแก้ปัญหาไม่ได้ก็คือประสิทธิภาพในการทำประตู และ ความผิดพลาดในแนวรับ ถึงแม้จะได้นักเตะใหม่มาหลายคน แต่ดูเหมือนทุกอย่างไม่ได้ดีขึ้นเลย การวางแท็คติก ของ ร็อดเจอร์ กล้าๆกลัวๆเกินไป ด้วยการใช้กองหน้าเพียงตัวเดียว ทั้งที่ มีกองหน้าให้เลือกใช้งานอยู่หลายตัว ทำให้กองหน้าที่มีในสนามอย่าง บิ๊กเบน เบนเตเก้ โดดเดี่ยวเกินไป ในแดนหน้า กว่ากองกลางจะขึ้นมาช่วยทันก็เสียบอลให้กับคู่ต่อสู้ไปแล้ว ประสิทธิภาพในการเข้าทำจึงไม่มี เป็นผลทำให้ลิเวอร์ทำประตูไม่ค่อยได้ ต่างจากฤดูกาล 2013-2014 ที่ ร็อดเจอร์ใช้แท็คติก 4-4-2 ไดมอนด์ มี ซัวเรซ และ สเตอร์ริด ยืนคู่กัน สถิติการทำประตูจึงถล่มทลาย เรื่องของเกมรับ ผู้จัดการทีมกลับมาใช้ กองหลัง 4 ตัวอีกครั้ง โดยมีนักเตะหน้าใหม่ อายุเพียง 19 ปี อย่าง โจ โกเมซ ยืนประจำการฝั่งซ้าย คู่กลาง เป็น สเคอร์เทล และ ลอฟเรน ทางขวา เป็น ไคลน์ 3 เกมที่ผ่านมา กองหลังชุดนี้ทำได้ดี ด้วยการเก็บคลีนชีท ไม่เสียประตูให้กับคู่แข่ง แต่ฟอร์มมาหลุดเอาในเกมที่ 4 นี้จนได้
โดยเฉพาะ เดยัน ลอฟเรน ที่มั่นใจในตัวเองเกินไป ไม่ยอมเคลียร์บอล จนเป็นต้นเหตุของการเสียประตู กองหลังทีมชาติโครเอเชีย ผู้นี้มีผลงานโดดเด่นกับ เซาแธมป์ตัน จึงถูก ลิเวอร์พูลดึงตัวมาในฤดูกาลก่อน แต่พอย้ายมาอยู่กับลิเวอร์พูลผลงานก็ตกลงไป ไม่สามารถปรับตัวได้ จึงถูกดร๊อปเป็นตัวสำรอง ในฤดูกาลนี้ได้รับโอกาสเป็นตัวจริงอีกครั้ง และทำได้ดีใน 3 นัดที่ผ่านมา จุดเด่นของ ลอฟเรน คือการเติ่มเกมรุก ซึ่งเป็น สไตล์ที่ ร็อดเจอร์ชื่นชอบ ที่ให้ทุกคนมีส่วนร่วมในเกมรุก แต่ข้อด้อยของเขาคือการประกบคู่ต่อสู้ และการเอาชนะในลูกกลางอากาศ ซึ่งเขาเองยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร จนสุดท้ายแล้วลิเวอร์พูลก็ต้องพบกับความพ่ายแพ้อีกครั้ง
ความพ่ายแพ้ต่อเวสแฮมป์ ในบ้าน บ่งบอกอะไร? มันอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของอนาคตการทำงานของ ร็อดเจอร์ ในถิ่นแอนฟิวส์ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล รอดพ้นจากการถูกปลด ในฤดูกาลที่ผ่านมาอย่างหวุดหวิด เขายอมสังเวย มือขวาคู่ใจทีมร่วมงานกันมาหลายปี เพื่อแลกกับการได้อยู่ในถิ่นแอนฟิวส์ต่อ แต่ถ้าหากผลงานของทีมยังลุ่มๆดอนๆ อย่างนี้ เชื่อว่า ร็อดเจอร์ คงเหลือเวลาอีกไม่นานในแอนฟิวส์ ทุกนัดหลังจากนี้ ต้องคอยจับตาดูว่า ผลงานจะเป็นอย่างไร ถ้าทุกอย่างไม่เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น เชื่อว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลงภานในทีม ลิเวอร์พูล อย่างแน่นอน
# ขอบคุณที่ติดตาม
@pairoj13
เผยวิธีการสร้างรายได้จากที่บ้าน ลงทะเบียนรับเคล็ดลับ ฟรี!! --->>ลงทะเบียนเดี๋ยวนี้
วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2558
เปิดฉากพรีเมียร์ลีก
สำหรับทีมที่มีฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดในสายตาของผม ที่จะไม่กล่าวถึงคงไม่ได้ คงต้องยกให้กับ จิ้งจอก สยาม เลสเตอร์ ซิตี้ ที่เปิด คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม ไล่ถลุง ทีมแมวดำ ซันเดอร์แลนด์ แบบไม่หยั้ง 4 : 2 สามารถขึ้นไปรั้งอันดับ 1 ได้ในสัปดาห์แรก ฟอร์มการเล่นของเลสเตอร์ดีต่อเนื่องมาจากช่่วงท้ายฤดูกาลก่อน ด้วยการเก็บชัยชนะติดต่อกันหลายนัด จนทำให้รอดตกชั้นไปอย่างสบายๆ ไม่ต้องลุ้นอะไรในช่วงท้ายฤดูกาล ทางด้านซันเดอร์แลนด์ ก็ยังย่ำแย่เหมือนเดิมยังคงรักษามาตราฐานการหนีตกชั้นได้ดีเหลือเกิน ไม่ว่าจะเปลี่ยนผู้จัดการทีมสักกี่คน ก็ยังไม่เห็นแววว่าทีมจะดีขึ้นเลย
มาพูดผลงานของทีมน้องใหม่ทั้ง 3 ทีมกันบ้าง ทั้ง วัตฟอร์ต ,นอริช และ บอร์นมัธ ทีมที่ดูจะทำได้ดีกว่าใครก็คงจะเป็น วัตฟอร์ต ที่บุกไปเอาแต้มจาก กูดิสัน พาร์ค มาได้ ด้วยการ เสมอ กับ เอฟเวอร์ตัน 2:2 ส่วนอีก 2 ทีมก็ประเดิมนัดแรกด้วยการพ่ายแพ้ ตามคาด ก็ต้องคอยติดตามกันต่อไปว่าทั้ง 3 ทีมจะมีทีมไหนที่อยู่รอดในพรีเมียร์ลีกได้ ถือว่าเป็นงานยากมากจริงๆ สำหรับผู้จัดการทีม เพราะว่า พรีเมียร์ในยุคนี้ มีการแข่งขันกันในด้านของเรื่องเงินทุนสูงมาก มาตรฐานของนักเตะก็เลยสูงตามไปด้วย ขนาดทีมระดับเล็กหรือระดับกลาง อย่าง สโต๊ค , เวสต์แฮม และ คริสตัล พาเลซ ยังสามารถดึงนักเตะฝีเท้าดีๆ เข้ามาร่วมทีมได้ ทำให้มาตราฐานของพรีเมียร์ลีกปีนี้ ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ถือว่าเป็นงานที่ยากมากๆ สำหรับทีมน้องใหม่ทั้ง 3 ทีม ที่จะอยู่รอดในพรีเมียร์ลีก ก็ต้องคอยลุ่นคอยเอาใจช่วยกันต่อไปครับ สำหรับพวกเรา คนรักฟุตบอลทั้งหลาย
บทความต่อไป คอยติดตามกันนะครับว่าผม จะนำเรื่องราวอะไรมานำเสนอกับท่านผู้อ่านทุกท่านอีก ในบทความนี้ต้องจบแต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณที่ติดตามครับ
#pairoj13
วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2558
The special one จอมโอหัง
สวัสดีครับท่านผู้อ่าน บทความนี้ใช้เวลาห่างกันพอสมควรจากบทความที่แล้วนะครับ ตัวผู้เขียนเองติดภารกิจที่ต้องปฏิบัติเร่งด่วน ต้่องขออภัยท่านผู้อ่านมานะโอกาสนี้ด้วยครับที่ต้องรอนาน
อีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ศึกฟุตบอลในลึกชั้นนำในต่างประเทศก็จะเริ่มทำการแข่งขันกันแล้วครับ โดยเฉพาะ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ทุกท่านคงใจจดใจจ่อรอคอยมานานก็จะอุบัติขึ้นในวันเสาร์ ที่ 7 ส.ค.58 ที่จะถึงนี้ แต่ก่อนจะเริ่มต้นฤดูกาลก็จะมีนัดพิเศษเกิดขึ้นทุกปีเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ เป็นการแข่งขันในรายการการกุศล ที่เรียกกันว่า community shield โดยจะนำเอา แชมป์พรีเมียร์ลีก กับ แชมป์ FA Cup มาทำการแข่งขันกัน ชิงถาดแชมป์ ซึ่งปีนี่เป็นการแข่งขันระหว่าง 2 ทีมยักษ์ใหญ่แห่งเมืองหลวง อย่าง เชลซี (แชมป์พรีเมียร์ลีก) กับ อาร์เซ่นอล (แชมป์ FA Cup) ในปีที่แล้ว การแข่งขันเริ่มดุเดือดตั้งแต่ยังไม่เริ่มเกม ประเด็นก็คือว่า ผู้จัดการทีมของทั้งสองทีม ไม่ค่อยถูกชะตากันสักเท่าไหร่ ทั้ง มูรินโญ่ และ อาร์แซน เวนเกอร์ ต่างสาดน้ำลายใส่กัน เล่นสังครามจิตวิทยา โดยสถิติที่ทั้งคู่พบกันปรากฏว่า เวนเกอร์ ไม่เคยเอาชนะ น้ามู ได้เลย จึงทำให้เวนเกอร์มีความกระหายที่จะเอาชนะให้ได้ โดยเวนเกอร์ได้กล่าวว่า ""สถิติมีไว้เพื่อทำลาย"" เมื่อการแข่งขันจบลง ลูกทีมของ เวนเกอร์ ก็สามารถเอาชนะไปได้ ด้วย สกอร์
1 : 0 ด้วยการยิงอันสุดสวยของช่างอ๊อกเหล็ก แชมเบอร์เลน แต่ที่น่าสนใจไม่ใช่การแข่งขันแต่เป็นพฤติกรรมอันน่ารังเกียจของผู้จัดการทีมทั้งสองฝ่ายที่ไม่มีสปีริตในการแข่งขัน ไม่ยอมจับมือกันทั้งก่อนและหลังที่การแข่งขันจบลง แต่ที่แย่ไปกว่าคือพฤติกรรมของ โจเซ่ มูรินโญ่ ที่ไม่ให้เกีรยติรายการแข่งขันนี้ เพราะเขาไม่ยอมรับเหรียญร่างวัลที่ได้จากการเป็นฝ่ายแพ้ และโยนเหรียญรองชนะเลิศ ที่ได้รับนั้นให้กับแฟนบอล โดยเขาได้บอกว่า "เขาไม่ต้องการรางวัลของผู้แพ้" ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวตัวผมเองรู้สึกว่า น้ามู ทำตัวไม่เหมาะสมกับการเป็นผู้จัดการทีมระดับโลก ที่มีทั้ง วัยวุฒิ และ คุณวุฒิ และเกียรติประวัติความสำเร็จมากมาย เขาน่าจะทำตัวเองเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับผู้จัดการทีมรุ่นหลังบ้าง ไม่ใช่ใช้อารมณ์มาอยู่เหนือเหตุผลแบบนี้ จริงอยู่นิสัยโดยส่วนตัวของ มูรินโญ่ เป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง (Ego) แต่การแข่งขันรายการนี้นับว่าเป็นรายการที่เก่าแก่ และมีประวัติมายาวนาน มีการแข่งขันถึง 93 ครั้ง และยังเป็นรายการแข่งขันที่จัดขึ้นมาเพื่อการกุศลอีกด้วย ซึ่งตัวเขาเองก็ทราบดี การกระทำของเขาครั้งนี้จึงถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติการแข่งขันอย่างรุนแรง เขาควรหัดที่จะยอมรับความพ่ายแพ้บางไม่ว่าจะกับทีมไหน เพราะความพ่ายแพ้มันคือส่วนหนึ่งของเกมการแข่งขัน ไม่มีใครที่จะเป็นฝ่ายชนะไปตลอด ไม่ว่าคุณจะเก่งแค่ไหนก็ตาม สิ่งที่ผู้จัดการทีมจอมโอหังคนนี้ ต้องทำคือการออกมาขอโทษต่อสิ่งที่เขาการกระทำลงไป ไม่ว่าจะด้วยอารมณ์หรือตั้งใจก็ตาม เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีและรักษาไว้ซึ่งเจตนารมณ์ที่ดีของการแข่งขันกีฬา คือ น้ำใจ และ ความสามัคคี ผมเชื่อว่าทุกคนพร้อมที่จะให้อภัยเขาอย่างแน่นอน
****************ขอบคุณที่ติดตาม********************
เครดิตภาพจาก Mthai
รายได้เสริม 6 หลัก ที่ทำได้ที่บ้าน รับข้อมูลฟรี!!
วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
Raheem sterling เจ้าหนูจอมอหังการ
มหากาฟ การซื้อขาย ระหว่าง ลิเวอร์พูล และ แมนซิตี้ จบลงด้วยดีในราคาที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับได้ แต่ฝ่ายที่น่าจะพอใจมากที่สุด คงเป็นลิเวอร์พูล เงินจำนวน ""49 ล้านปอนด์"" สำหรับนักเตะในวัย 20 ปี เป็นอะไรที่มายมายเหลือเกิน สิ่งที่ลิเวอร์พูลเรียกร้องนั่นประสบความสำเร็จ ตามที่ตัวเองต้องการ
ราฮีม แสดงความต้องการออกมา ว่าไม่อยากอยู่ทีมที่มีแต่ประวัติศาสตร์ แต่ปราศจากความสำเร็จไดๆ ด้วยการไม่ยอมต่อสัญญาของเขาออกไป ถึงแม้จะได้รับค่าเหนื่อยเพิ่มขึ้นหลายเท่า อะไร? คือสิ่งที่เขาต้องการ ความสำเร็จ ที่เขาพร้ำบอกจริงหรือ? หรือจะเป็น เงินกันแน่ที่เขาต้องการ
อย่างที่เรารู้ๆ กันครับ ว่าอาชีพ นักฟุตบอล มีอายุการใช้งานที่สั้นเหลือเกิน เมื่อมีโอกาสที่ดีกว่าก็ต้องไคว่คว้าเอาไว้ ราฮีม ดูเหมือนเป็นเด็ก ด้วยสรีระร่างกาย และอายุ แต่แท้ที่จริงแล้วไม่ใช้เลย เพราะเขา มีครอบครัวที่ต้องดูแล ตั้งแต่ อายุ 18 ปี มีภรรยา 1 คน และมีลูก อีก 2 คนที่เขาต้องรับผิดชอบ ควาามมั่นคงของชีวิตต่างหากที่เขาต้องการมากที่สุด ถ้าประสบความสำเร็จก็ถือเป็นกำไร แต่สิ่งที่เขาทำผิดพลาดนั้น อาจจะเป็นเพราะความอ่อนเยาว์ของประสบการณ์ จนถูก เอเยนต์ ครอบงำ และใช้เครื่องมือที่ผิดพลาด ในการดำเนินการ การใช้สื่อไม่ใช่ทางเลือกที่ดีสำหรับเขา ผลลัพท์ที่ออกมา จึงเป็นแบบที่เห็น
เฟอร์นันโด ตอร์เรส เป็นอีกคนหนึ่ง ที่บอกว่าต้องการความสำเร็จในชีวิตการเป็นนักเตะ เขามั่นในว่าศักยภาพของเขา สามารถก้าวไปถึงจุดนั้นได้ บวกกับมีความต้องการจากทีมที่มีศักยภาพ อยู่แล้วสนใจ กระบวนการโยกย้ายจึงเป็นไปแบบลับๆ ตอร์เรส เลือกที่จะเงียบเฉยในเรื่องราวที่เกิดขึ้น เขาไม่แสดงความต้องการไดๆ ออกมา ปล่อยให้กระบวนการซื้อขายดำเนินไป ในที่สุดเขาก็ได้ย้ายทีมสมใจ
ราฮีม คิดว่าเขาควรจะได้รับโอกาศที่เข้ามาหาเขา ถึงแม้ ลิเวอร์พูล จะเป็นทีมที่ชุบเลี้ยงเขามาก็ตาม แต่ตัวเขาคงคิดว่าได้ตอบแทนทุกอย่างไปหมดแล้วในสนาม การที่เขาอยากจากไป จึงไม่ใช่ การ ทรยศทีม แต่อย่างได
การขาย ราฮีม ออกไปจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด สำหรับลิเวอร์พูล เพราะมีแต่ได้กับได้ เงินจำนวนมหาศาล สามารถนำไปซื้อนักเตะระดับเดียวกันกับ ราฮีม ได้ 1-2 คนสบาย เพราะเจ้าหนูคนนี้ยังไม่ถึงจุดสูงสุดของเขา เขายังต้องพัฒนา อีกมาก เมื่อย้ายทีมใหม่ก็ต้องปรับตัวให้ ปรับทัศนะ กันใหม่ จึงไม่ใช้เรื่องง่ายเลย สำหรับ ผู้จัดการทีม จากนี้ไปเราคงต้องคอยลุ้นว่า ""เจ้าหนูจอมอหังการ"" คนนี้ จะประสบความสำเร็จ อย่างที่เขาพูดเอาไว้หรือเปล่า หรือจะเดินตามล้มเหลว เหมือนกับรุ่นพี่ ที่เคยเป็น
-----------------------------------------ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ------------------------------------------
มองหาช่องทางสร้างได้อยู่ใช้มั้ย!! eliet-ssc เรามีระบบที่จะทำคุณประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่คลิ๊ก!!
วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
ซุปตาร์ ผู้อาภัพ

ตั้งใจที่จะเขียนบทความนี้ มาหลายวันครับ แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่ได้เขียนซักที จนมาวันนี้ถือเป็นฤกษ์ดีเลยครับ ถ้าพูดถึงนักเตะ ระดับซุปเปอร์สตาร์ อย่าง ""ลีโอแนล แมสซี่"" เชื่อว่าคงไม่มีมีใครไม่รู้จัก เพราะตัวเขาได้ฝากผลงานไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นทั้งในและนอกสนาม งานโฆษณาต่างๆ งานโชว์ตัว ร่วมทั้งงานการกุศล ผลงานในสนามก็เป็นที่ประจักษ์ในฐานะนักเตะ เบอร์ 1 ของโลกในปัจจุบันนี้ ประสบความสำเร็จมากมาย ในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ร่วมกับยอดทีม อย่าง บาร์เซโลน่า หรือจะเป็นความสำเร็จส่วนตัว ซึ่งจะยกมากล่าวคงไม่หมด (ติดตามได้ตามลิงค์ได้ล่างครับ) แต่สิ่งเดียวที่ แมสซี่ ยังไปไม่ถึงฝัน ก็คือการคว้าแชมป์ร่วมกับทีมชาติ อาร์เจนติน่า ของเขา ล่าสุดก็ต้องผิดหวังอีกครั้งในฟุตบอลรายการ ชิงแชมป์ทวีป อเมริการ์ใต้ (โคปา อเมริกา) การพลาดการคว้าแชมป์ในรายการนี้ ถือว่า แมสซี่ เข้าใกล้ ความสำเร็จ มากที่สุด เพราะฟอร์มการเล่นโดยรวมของทีม ตั้งแต่รอบแรกนั้นดีมากๆ เส้นทางสู่แชมป์ น่าจะสดใสไม่น้อย จนมาถึงรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งต้องพบกับเจ้าภาพ ชิลี รูปเกมโดยรวมก็ออกมาดี น่าจะชนะได้ แต่ อาร์เจนตินา ก็ไม่สามารถเจาะประตูของ ชิลี ได้ ทุกอย่างก็เลยพังทลายลง เมื่อต้องวัดกันด้วยการยิงจุดโทษ ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่ทีมไม่ได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า อะไรก็เกิดขึ้นได้ และสิ่งที่อาร์เจนติน่าต้องเผชิญ คือ ความกดดันอย่างมหาศาล ในฐานะทีมเต็ง 1 พร้อมทั้งเสียงเชียร์ของทีมเจ้าภาพ ยิงเพิ่มความกดดันเข้าไปอีก ถึงแม้ อาร์เจนตินา จะมีนักเตะระดับโลก ก็ตาม ความผิลพลาดก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้
ในฐานะกัปตัน แมสซี่ เป็นคนเดียวที่รักษาระดับมาตรฐานของเขาไว้ได้ แต่นั้นยังไม่ดีพอที่จะทำให้ทีมคว้าแชมป์ เพราะฟุตบอลเล่นกันเป็นทีม เมื่อในเวลาการแข่งขันไม่สามารถจะชนะ ก็ต้องเตรียมรับเมื่อกับความผิดหวังอีกครั้ง แมสซี่ ติดทีมชาติชุดใหญ่ตั้งแต่ ปี 2005 ด้วยอายุเพียง 18 ปี เคยประสบความสำเร็จกับทีมชาติชุด U-20 ปี 2005 และเคยได้เหรียญทอง ในฟุตบอล โอลิมปิก ในปี 2008 แต่กับทีมชุดใหญ่ยังไม่เคยได้แชมป์อะไรเลย เขาเหลือเวลาอีกไม่มากในทีมชาติชุดใหญ่ เพราะตอนนี้ เขาอายุ 28 ปีแล้ว ฟุตบอลโลก 2018 ที่ รัสเซีย คือความหวังครั้งสุดท้ายของเขาก็ว่าได้ ที่จะพาอาร์เจนตินา คว้าแชมป์ และถ้าทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่เขาคิด ""ลีโอแนล แมสซี่"" ก็คงถูกจารึกไว้ว่า
""เป็นราชา ผู้ไร้บัลลังก์""
ผลงานของแมสซี่
แมสซี่
ขอบคุณข้อมูลจาก wikipedia ครับ
วันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
ครั้งแรก ของ ซิลี
สวัสดีทักทายกับท่านผู้อ่านทุกท่านครับ ผลการแข่งขันของฟุตบอล โคปา อเมริกา ก็ได้ผลสรุปของทีมที่เป็นแชมป์ เรียบร้อยแล้วครับ ก็คือ ทีมเจ้าภาพ ชิลี นั่นเอง ก็ไม่มีอะไรที่น่าประหลาดใจเท่าไหร่ นะครับ เพราะทีมที่เข้าชิง มีฟอร์มการเล่นที่สูสีกันมาก ผลงานดีด้วยกันทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็น อาร์เจนตินา ทีมเต็ง 1 และก็ ชิลี ทีมเจ้าภาพ ผลการแข่งขันจึงสามารถออกได้ทั้งสามหน้า สิ่งที่ผมคิดว่าจะสามารถเปลี่ยนเกมได้ก็มีเพียงแค่จังหวะการผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ของผู้เล่นเท่านั้น สุดท้ายแล้วทั้งสองทีมก็ไม่สามารถทำอะไรกันได้จึงต้อง ตัดสินผลการแข่งขันด้วยการ ดวลลูกที่จุดโทษ ผลปรากฏว่า ทีม ชิลี แม่นโทษกว่า สามารถ คว้าแชมป์ ไปครอง เป็นครั้งแรกได้สำเร็จ
หลายท่านคงสงสัยนะครับว่า ทำไม ทีมที่มีนักเตะระดับคุณภาพ เกรด เอ อย่าง ชิลี ถึงไม่เคยได้แชมป์ โคปา อเมริกา เลย ทั้งที่ ทีม ชิลี จัดได้ว่าเป็นทีมระดับแถวหน้า ของ ทวีป อเมริกาใต้ คุณภาพของนักเตะก็ไม่ได้เป็นรอง ทีม อาร์เจนติน่า ,บราซิล หรือ อุรุกวัย เลย ชิลี เข้าร่วมการแข่งขัน ฟุตบอล โคปา อเมริกา 35 ครั้ง ทำได้ดีที่สุดคือการเป็นรองแชมป์ 4 ครั้ง ในปี 1955,1956,1979 และ 1987 ได้ที่อันดับ 3 จำนวน 5 ครั้ง และจบที่อันดับที่ 4 จำนวน 10 ครั้ง นับว่า ชิลี อยู่ในกลุ่มที่ลุ้นแชมป์มาโดยตลอดถ้าดูจากสถิติ ด้านล่าง
หลายท่านคงสงสัยนะครับว่า ทำไม ทีมที่มีนักเตะระดับคุณภาพ เกรด เอ อย่าง ชิลี ถึงไม่เคยได้แชมป์ โคปา อเมริกา เลย ทั้งที่ ทีม ชิลี จัดได้ว่าเป็นทีมระดับแถวหน้า ของ ทวีป อเมริกาใต้ คุณภาพของนักเตะก็ไม่ได้เป็นรอง ทีม อาร์เจนติน่า ,บราซิล หรือ อุรุกวัย เลย ชิลี เข้าร่วมการแข่งขัน ฟุตบอล โคปา อเมริกา 35 ครั้ง ทำได้ดีที่สุดคือการเป็นรองแชมป์ 4 ครั้ง ในปี 1955,1956,1979 และ 1987 ได้ที่อันดับ 3 จำนวน 5 ครั้ง และจบที่อันดับที่ 4 จำนวน 10 ครั้ง นับว่า ชิลี อยู่ในกลุ่มที่ลุ้นแชมป์มาโดยตลอดถ้าดูจากสถิติ ด้านล่าง
สาเหตุที่ทำให้ ชิลี ไม่ประสบความสำเร็จในยุคที่ผ่านมา อาจเป็นเพราะ ทีมคู่แข่งในยุคนั้นแข็งแกร่งมาก ไม่ว่าจะเป็น อุรุกวัย ,อาร์เจนตินา หรือ บราซิล เมื่อ ชิลี ต้องมาเจอ กับทีมเหล่านี้ในรอบ ตัดเชือก หรือ รอบรองชนะเลิศ จึงไม่สามารถ ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศได้ จะสังเกตุเห็นได้ว่า ชิลี ได้อันดับที่ 4 มากที่สุด ถึง 10 ครั้ง แต่ ชิลี เองก็รักษามาตรฐานของตัวเอง และ พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ กอปร กับ ทีมอย่าง บราซิล หรือ อาร์เจนติน่า เองที่มาตรฐานตกลงไปในช่วงหลังๆ ถึงแม้จะมี นักเตะซุปเปอร์สตาร์อย่าง แมสซี่ ก็ตาม ทั้งสองทีมไม่่เคยประสบความสำเร็จเลย ไม่ว่าจะเป็น ฟุตบอลโลก หรือรายการ ระดับทวีป การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบ่อย ทำให้ทั้งสองทีม ไม่มีสมดุลในการเล่น เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา นักเตะเกิดการสับสน ผลงานจึงตกต่ำลงในที่สุด
ฮอร์เกร์ ซัมเปาลี่
ผู้จัดการทีม ชายผู้ที่มาพร้อมกับความมุ่งมั่น และทุ่มเทและความพยายาม มีส่วนสำคัญเป็นอย่างมาก จนสามารถทำทีม ชิลี ให้ประสบความสำเร็จ ด้วยบุคลิกที่ ตื่นตัว และ มีส่วนร่วมกับเกมการแข่งขัน ตลอดเวลา เขาไม่เคยนั่ง จนกว่าการแข่งขันจะจบลง ซึ่งมันเป็นแรงกระตุ้นอย่างหนึ่งให้กับลูกทีม เมื่อพวกเขาหันมาที่ข้างสนามก็จะเจอกับผู้จัดการทีมที่ให้กำลังใจและ คอยช่วยเหลือตลอด มันคือส่วนหนึ่งของความสำเร็จ ยิ่งได้เล่นในบ้านของตัวเอง แรงเชียร์และกำลังใจยิ่งมากขึ้นเป็นทวีคูณ ชิลี จึงผงาดคว้าแชมป์ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์มาครองได้สำเร็จ นับเป็นผลงานอันยอดเยี่ยม และเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ ของ ทีมชิลี ใครที่ติดตามเชียร์อยู่ คงต้องตามเชียร์ ตามลุ้นกันต่อไปครับว่า ชิลี จะสามารถคว้าแชมป์อะไรมาครองได้อีก
ผมคงต้องขอแสดงความยินดีกับ แชมป์ โคปา อเมริกา ด้วยนะครับ
-------------------------------------------------ขอบคุณที่ติดตาม-------------------------------------------------
เครดิต ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย,youtube ครับ
วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558
แซมบ้า ขาลง
ก่อนอื่นต้องขอกล่าวคำว่า สวัสดีครับ วันจันทร์ วันทำงานของหลายๆ คน วันนี้อาจเป็นวันที่หลายคนไม่อยากให้มาถึงเลย เพราะขี้เกียจลุกจากที่นอนเหลือเกิน หลังจากที่ได้พักผ่อนมาเต็มๆ สองวัน หรือบางคนอาจจะวันเดียว ก็ต้องกลับมาทำงานกันอีกแล้ว ผมขอเป็นกำลังใจให้สำหรับคนที่สู้ชีวิตกันทุกคนละกันนะครับ เมื่อชีวิตยังไม่สิ้น ก็ต้องดิ้นกันไป ครับ อย่ายอมแพ้
มาว่ากันถึงเรื่องฟุตบอลกันบ้่างครับอย่างที่ผมได้ขึ้นหัวเรื่องไว้ หลายคนคงได้ทราบข่าวผลการแข่งขันในศึก ฟุตบอล โคปา อเมริกา ในรอบ 8 ทีม สุดท้าย หรือ รอบก่อนรองชนะเลิศ ระหว่าง ทีมเต็ง 2 อย่าง ทีมชาติ บราซิล กับ ทีมชาติ ปารากวัย แล้วว่า ทีมชาติ บราซิล ต้องจอดป้ายแค่รอบนี้ หลังแพ้การดวลลูกยิงที่จุดโทษ ให้กับ ทีมชาติ ปารากวัย จากที่เสมอกันในเวลา 90 นาที ด้วยผล 1 : 1 โดยบราซิลขึ้นนำก่อนด้วยการยิงของ โรบินโญ่ ซุปตาร์จากซานโตส แต่ ปารากวัย ก็มาตีเสมอได้ในช่วงท้ายเกม จบ 90 นาที ต้องดวลจุดโทษตัดสิน โดยฟุตบอลรายการนี้ ไม่มีการต่อเวลาพิเศษ ผลปรากฎว่า ปารากวัย แม่นโทษกว่า เฉือนเอาชนะ บราซิลไปได้ ด้วบผลประตู 4 ประตู ต่อ 3 เข้ารอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ ส่วนจะได้พบกับทีมไหน ต้องคอยติดตามกันต่อไป
แฟนบอล บราซิล ผมเชื่อว่ามีทั่วโลก ต้องผิดหวังกันอีกครั้ง ที่เห็นความล้มเหลวของทีม ที่เต็มไปด้วย ซุปเปอร์สตาร์ มากมาย พลาดท่าแพ้ให้กับทีมที่มีนักเตะที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก หลังจากที่ต้องผิดหวังในฟุตบอลโลก 2014 ที่ทำได้เพียงแค่ที่ 4 จากที่หมายมั่นว่าจะเป็นแชมป์ ภายใต้การนำของ
"บิ๊กฟิล" หลุย ฟิลิเป้ สโกลาลี่ แถมยังสร้างสถิติที่ไม่น่าจดจำ ด้วยการพ่ายแพ้ แบบหมดสภาพจนไม่เหลือศักดิ์ศรีของทีมแชมป์โลก 5 สมัย ให้กับ เยอรมัน ในรอบรองชนะเลิศ ด้วยผล 7 : 1 จนต้องไปชิงอันดับ 3 กับ เนเธอร์แลนด์ หวังจะกู้หน้าเจ้าภาพ และเป็นรางวัลปลอบใจให้กับแฟนบอล แต่ฟอร์มการเล่นกลับไม่กระเตือง จนแพ้ให้กับ เนเธอร์แลนด์ ถึง 0 : 3 ส่งผลให้บิ๊กฟิล ต้องสละเก้าอี้ เหตุผลหลักที่ทำให้ทีมของบิ๊กฟิล ไม่ประสบความสำเร็จเกิดมาจากอะไร? บิ๊กฟิล เป็นโค๊ชที่ค่อนข้างหัวโบราณ และดื้อรั้นไม่ยอมเปลี่ยนแปลงอะไรง่ายๆ มักจะใช้ แท็กติก เดิมๆ และ ผู้เล่นๆ เดิมๆ การจัดตัวผู้เล่น เป็นชุดเดิม ทีมอื่นจึงสามารถจับทางได้ และอ่านแท็กติก ออก บิ๊กฟิล มีผู้เล่นมากมายให้เลือกใช้ ทั้งที่เล่นอยู่ในยุโรป และในประเทศของตัวเอง แต่กลับเลือกใช้นักเตะ ที่ตัวเองพอใจ มากกว่า ฟอร์มการเล่นของนักเตะ หลายคนที่เรียกติดทีมฟอร์มดี แต่กลับไม่ได้ลงเล่น แม้แต่นัดเดียว
มาว่ากันถึงเรื่องฟุตบอลกันบ้่างครับอย่างที่ผมได้ขึ้นหัวเรื่องไว้ หลายคนคงได้ทราบข่าวผลการแข่งขันในศึก ฟุตบอล โคปา อเมริกา ในรอบ 8 ทีม สุดท้าย หรือ รอบก่อนรองชนะเลิศ ระหว่าง ทีมเต็ง 2 อย่าง ทีมชาติ บราซิล กับ ทีมชาติ ปารากวัย แล้วว่า ทีมชาติ บราซิล ต้องจอดป้ายแค่รอบนี้ หลังแพ้การดวลลูกยิงที่จุดโทษ ให้กับ ทีมชาติ ปารากวัย จากที่เสมอกันในเวลา 90 นาที ด้วยผล 1 : 1 โดยบราซิลขึ้นนำก่อนด้วยการยิงของ โรบินโญ่ ซุปตาร์จากซานโตส แต่ ปารากวัย ก็มาตีเสมอได้ในช่วงท้ายเกม จบ 90 นาที ต้องดวลจุดโทษตัดสิน โดยฟุตบอลรายการนี้ ไม่มีการต่อเวลาพิเศษ ผลปรากฎว่า ปารากวัย แม่นโทษกว่า เฉือนเอาชนะ บราซิลไปได้ ด้วบผลประตู 4 ประตู ต่อ 3 เข้ารอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ ส่วนจะได้พบกับทีมไหน ต้องคอยติดตามกันต่อไป
แฟนบอล บราซิล ผมเชื่อว่ามีทั่วโลก ต้องผิดหวังกันอีกครั้ง ที่เห็นความล้มเหลวของทีม ที่เต็มไปด้วย ซุปเปอร์สตาร์ มากมาย พลาดท่าแพ้ให้กับทีมที่มีนักเตะที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก หลังจากที่ต้องผิดหวังในฟุตบอลโลก 2014 ที่ทำได้เพียงแค่ที่ 4 จากที่หมายมั่นว่าจะเป็นแชมป์ ภายใต้การนำของ
"บิ๊กฟิล" หลุย ฟิลิเป้ สโกลาลี่ แถมยังสร้างสถิติที่ไม่น่าจดจำ ด้วยการพ่ายแพ้ แบบหมดสภาพจนไม่เหลือศักดิ์ศรีของทีมแชมป์โลก 5 สมัย ให้กับ เยอรมัน ในรอบรองชนะเลิศ ด้วยผล 7 : 1 จนต้องไปชิงอันดับ 3 กับ เนเธอร์แลนด์ หวังจะกู้หน้าเจ้าภาพ และเป็นรางวัลปลอบใจให้กับแฟนบอล แต่ฟอร์มการเล่นกลับไม่กระเตือง จนแพ้ให้กับ เนเธอร์แลนด์ ถึง 0 : 3 ส่งผลให้บิ๊กฟิล ต้องสละเก้าอี้ เหตุผลหลักที่ทำให้ทีมของบิ๊กฟิล ไม่ประสบความสำเร็จเกิดมาจากอะไร? บิ๊กฟิล เป็นโค๊ชที่ค่อนข้างหัวโบราณ และดื้อรั้นไม่ยอมเปลี่ยนแปลงอะไรง่ายๆ มักจะใช้ แท็กติก เดิมๆ และ ผู้เล่นๆ เดิมๆ การจัดตัวผู้เล่น เป็นชุดเดิม ทีมอื่นจึงสามารถจับทางได้ และอ่านแท็กติก ออก บิ๊กฟิล มีผู้เล่นมากมายให้เลือกใช้ ทั้งที่เล่นอยู่ในยุโรป และในประเทศของตัวเอง แต่กลับเลือกใช้นักเตะ ที่ตัวเองพอใจ มากกว่า ฟอร์มการเล่นของนักเตะ หลายคนที่เรียกติดทีมฟอร์มดี แต่กลับไม่ได้ลงเล่น แม้แต่นัดเดียว
หลังจากที่ บิ๊กฟิล ออกจากตำแหน่ง ผู้ที่ถูกเลือกขึ้นมาแทน ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือ กัปตัน
ทีมชาติชุดแชมป์โลก ปี 1994 ""คาร์ลอส ดุงก้า"" เขาเข้ามาพร้อมกับความคาดหวัง ที่แรงกล้า ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในทีม อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พร้อมกับความกดดัน อันมหาศาล ที่ต้องแบกรับเอาไว้ ดุงก้า รู้ดีว่า มันไม่ง่ายเลย กับการทำทีมให้ประสบความสำเร็จตามที่แฟนบอลต้องการ เขาเริ่มทำหน้าที่ของเขา ด้วยการเรียกตัวนักเตะดาวรุ่งหลายคนติดทีม โดยที่มีนักเตะระดับซุปตาร์ อย่าง เนย์มาร์ เป็นแกนหลัก ทุกอย่างกำลังไปได้ดี ดูเหมือนทีมจะพร้อมและลงตัว ในทุกตำแหน่ง
ทีมของดุงก้า ผ่านรอบแรก ใน โคปา อเมริกามาได้ ด้วยการเฉือนเอาชนะ ทีม เวเนซุเอล่า มาได้ ด้วยผล 2:1 จากการทำประตูของ โรเบโต้ ฟีร์มีโน่ สตาร์ดวงใหม่ของทีม ผลงานในรอบแรกของบราซิล ก็ไม่ค่อยดีนัก ชนะ 2 นัด แพ้ 1 นัด ถือว่าเอาตัวรอดได้ แต่ที่เสียหายอย่างมาก ก็คือการที่
เนย์มาร์ กับตันทีม เสียค่าโง่ ถูกแบน 4 นัด จากการที่ไปเตะฟุตบอลอัดใส่ ผู้เล่น โคลัมเบีย ในนัดที่บราซิลแพ้ ไป 0:1 และยังมีพฤติกรรมก้าวร้าว ด่าผู้ตัดสิน ในอุโมงค์ทางเข้า ทำให้ต้องจบเส้นทางใน โคปา อเมริกา ตั้งแต่รอบแรก การเสีย เนย์มาร์ ส่งผลต่อทีมอย่างมาก ด้วยลีลาการเล่น ความเร็ว และ ความคิดสร้างสรรค์ ของเขา ทำให้เกมรุกของบราซิล ดูมีประสิทธิภาพมาก เขาคนเดียวสามารถดึงตัวผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามมาได้ถึง สองสามคนทำให้มีพื้นที่ว่างให้เพื่อนร่วมทีมเล่นได้อย่างสบาย ถึงแม้คนอื่นๆ ก็สามารถจะเล่นตำแหน่งเดียวกันกับเขาได้ แต่ศักยภาพยังไม่เทียบเท่า การเสีย เนย์มาร์ ทำให้ดุงก้า ต้องหาผู้เล่นมาทดแทน แผนการที่วางไว้แต่แรกจึงเปลี่ยนไป ทำให้ทีมยังไม่ดีพอที่จะผ่านเข้าไปเล่นในรอบต่อไปได้
ฟุตบอลทีมชาติ เป็นรายการที่เล่นกันนัดต่อนัด ทีมไหนที่สามารถ พลิกแพลง หาจุดเด่น จุดด้อย ของทีมอื่นได้ ย่อมได้เปรียบ บราซิล มีทั้งศึกใน คือ อาร์เจนติน่า ,อุรุกวัย และ ซิลี เจ้าภาพ และ ศึกนอก คือ ความคาดหวัง ความกดดัน จากความสำเร็จในอดีตที่ค้ำคอ จากแฟนบอล และ จากคุณภาพของตัวผู้เล่นเอง เมื่อต้องรับมือศึกทั้งสองด้าน พร้อมๆกัน จึงต้านทานไว้ไม่ไหว จนต้องพ่ายแพ้ไปในที่สุด
หลังจากนี้ไป ไม่ว่า คาร์ลอส ดุงก้า จะได้อยู่ต่อ หรือ เป็นคนใหม่ที่เข้ามาทำทีมแทน คงต้องคิดหนักแล้วว่า จะทำทีมไปในแนวทางไหน อะไรก็ตามที่ขึ้นถึงจุดสูงสุดแล้วมักจะตกลงมาเสมอครับ ฟุตบอลก็เช่นกัน บราซิลเคยขึ้นถึงจุดสูงสุดด้วยการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก ได้มากที่สุดถึง 5 สมัย เคยมี สามประสานอย่าง ทริปเปิล R ซึ่งถือว่าเป็นยุครุ่งเรืองของบราซิล เคยเป็นทีมที่น่ากลัวที่สุด ไม่ว่าทีมไหนเจอก็ต้องขยาด แต่ทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลงได้ ยุคตกต่ำของบราซิล กำลังจะมาถึง ต้องดูครับว่าจะลงไปต่ำถึงขนาดไหน และเมื่อตกลงไปต่ำสุดแล้วจะหาทางกลับขึ้นมาได้รึเปล่า ยังไงก็คงต้องลุ้นให้กลับมาไวๆ ครับ เพราะถ้าขาดทีมอย่างบราซิลไป ผมว่า ฟุตบอลระดับชาติ คงจะขาดสีสันไปไม่น้อย
------------------------------------ขอบคุณที่ติดตามครับ--------------------------------
วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558
ดาวเด่น Copa america ที่น่าจับตามอง
ช่วงนี้เป็นช่วงที่ฟุตบอลลีกชั้นนำในประเทศต่างๆ ได้พักการแข่งขันระหว่างฤดูกาล แต่ก็ยังมีฟุตบอลให้เราได้ติดตามกันหลายรายการ ซึ่งเป็นการแข่งขันของฟุตบอลทีมชาติ รายการแข่งขันที่น่าสนใจตอนนี้ ก็คงจะเป็นฟุตบอลชิงแชมป์ทวีปอเมริกาใต้ หรือที่เรียกว่า COPA America ซึ่งหน้าติดตามไม่แพ้ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ EURO Cup เพราะประเทศในแถบอเมริกาใต้มีนักเตะระดับโลกมากมาย ที่มาค้าแข้งในทีมชั้นนำของยุโรป ไม่ว่าจะเป็น นักเตะเบอร์ 1 ของโลก อย่าง แมสซี่ (อาร์เจนตินา) เนย์มาร์ (บราซิล) ,อเล็กซีส (ซิลี), อตูโร่ วิดัล (ซิลี) และอีกมากมาย สไตล์การเล่นของนักฟุตบอลอเมริกาใต้ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า รวดเร็ว คล่องแคล่ว และมีลีลาการเล่นที่สวยงาม จึงเป็นที่ต้องการของทีมใหญ่ๆ ที่ต้องการเป็นเจ้าของนักเตะเหล่านี้ เพื่อความสำเร็จของทีม ต่อไปเราลองมาดูกันครับน่า ในฟุตบอล โคปา อเมริกา ครั้งนี้ มีดาวรุ่ง ดาวเด่น ดวงไหนบ้างที่น่าจับตามอง กันบ้าง (ผมจะไม่ขอพูดถึง นักเตะ ที่กล่าวมาแล้วขั้นต้นนะครับ เพราะว่าหลายคนคงรู้ดีอยู่แล้วว่าฝีเท้าเป็นยังไงกันบ้าง )
เริ่มต้นที่คนแรกเลยครับ
โรเบอร์โต้ เฟอร์มิโน่ (บราซิล)
นักเตะว่าที่ซุปเปอร์สตาร์จากทีมชาติบราซิล และ สโมสร ฮอฟเฟ่นไฮม์ รายนี้ พัฒนาตัวเองจนก้าวเข้ามาติดทีมชาติชุดใหญ่ ภายใต้การคุมทีมของ คาลอส ดุงก้า และ กำลังเป็นที่สนใจของทีมดังหลายทีม โดยเฉพาะ แมนยู และ คู่อริอย่าง ลิเวอร์พูล มีการเปิดศึกนอกสนามในการล่าลายเซ็นต์ของนักเตะรายนี้อย่างสนุกสนาน ซึ่งตัวนักเตะก็อยากที่จะย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีก เช่นกัน แต่สุดท้ายคาดว่า ทีมปีศาจแดง ซึ่งมีภาษีดีกว่าน่าจะได้ตัวไปร่วมทีม ลองติดตามดูสถิติต่างๆ แล้วก็ฝีเท้ากันดูครับว่าจะเด็ดขนาดไหน
คนที่ 2
เอนเนอร์ บาเลนเซีย (เอกวาดอร์)
"บาเลนเซีย" ทำผลงานได้โดดเด่นในฟุตบอลรายการนี้โดยสามารถทำประตูได้และมีฟอร์มการเล่นที่ดีและสม่ำเสมอ ในปีที่ผ่านมาเขาทำผลงานได้ดีเหลือเกินกับทีม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในศึกพรีเมียร์ลีกอังกฤษ มีทีมใหญ่หลายทีมสนใจนำตัวนักเตะรายนี้ไปร่วมทีม ทั้ง เซลซี และ ลิเวอร์พูล โดยทาง เวสต์แฮมได้ตั้งค่าตัว ไว้สูงถึง 30 ล้านปอนด์ เลยที่เดียว
คนที่ 3
โฮเซ กิเมเนซ ( อุรุกวัย )
นักเตะชาวอุรุกวัย ของทีมตรามี แอตมาดริด ได้ลงเล่นในเกมที่ อุรุกวัย พบกับ ปารากวัย และสามารถทำประตูขึ้นนำให้กับทีมได้ แต่สุดท้ายผลการแข่งขัน เสมอกันไป ที่ 1 : 1
กิเมเนซ เป็นกองหลังดาวรุ่งที่น่าจับตามองอย่างมาก เพราะอายุยังน้อยและมีการเล่นดุดัน และชอบเติมเกม ขึ้นไปยิงประตูในแบบนักเตะอเมริกาใต้ เขายังสามารถพัฒนาตัวเองได้อีกมาก ได้รับโอกาศ ลงสนาม มากขึ้นกว่าเดิม
คนที่ 4
ซาโลมอน ลอนดอน
หลายคนที่เป็นแฟนบอล ลาลีกา ลีก สเปน คงรู้จัก นักเตะคนดีพอสมควร เพราะเคยค้าแข้งอยู่กับทีมดัง อย่าง มาลาก้า ล่าสุดเข้าเล่นให้กับ ทีม
เซนิต ทีมดัง รัสเซีย ลอนดอนสามารถทำประตูชัยให้กับ เวเนซุเอล่าได้ในการ พบกับทีมที่มีสตาร์เต็มทีมอย่าง โคลัมเบีย ด้วยลูกโหม่งทำประตูอย่างสวยงาม จุดเด่นของลอนดอนคือ ร่างกายที่สูงใหญ่เล่นได้ดีทั้งลูกกลางอากาศ และ บนพื้น เขาหาพื้นที่
ในการทำประตูได้ดี มีการยิงที่แรงและคม เขามีโอกาศที่จะมาแจ้งเกิดอีกครั้ง ลีกชั้นนำของยุโรป มีข่าวว่า ทีม อย่าง ลิเวอร์พูล กำลังให้ความสนใจ ยังไงก็ลองติดตามดูกันครับ นักเตะคนนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน
คนสุดท้ายครับ คนที่ 5
เปโดร กัลเลซเซ
มาถึงคนสุดท้ายกันแล้วครับ นักเตะคนนี้อาจจะไม่เป็นที่รู้จักนัก เพราะไม่ได้เล่นในลีกยุโรป และเล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตู ซึ่งไม่ค่อยมีใครสนใจเท่าใหร่ เขาชื่อว่า เปโดร กัลเลซเซ เป็นผุ้รักษาประตู จากทีม ฮวน อูริช ทีมในลีกของประเทศเปรู แต่นักเตะ คนนี้มีดีแน่นอนครับ จากจังหวะการเซฟ ประตูในหลายๆ ครั้ง
ในเกมที่ เปรู ยัน เสมอ กับ โคลัมเบียได้ ทั้งปฎิกิริยา และ จังหวะออกมาตัดบอล ทำได้ดีมาก เชื่อว่าแมวมองของหลายทีมในยุโรปคงจับตามองเหมือนกัน แต่คงจะได้ตัวมายากหน่อย เพราะอาจติดในเรื่องของ หนังสืออนุญาต ทำงาน หรือ
work permit นั้นแหละครับ เนื่องจากตัวนักเตะไม่ได้เล่นในยุโรป ยังไงก็ลองติดตามกันครับว่าสุดท้ายแล้วเขาจะได้มาโชว์ฝีมือในการเซฟประตูสวยๆ ให้เราได้ดูกันหรือเปล่า
เป็นยังไงกันบ้างครับ ทั้ง 5 คน พอจะโดนใจบ้างรึเปล่า ทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมในครับ ถ้าไม่ชอบหรือมีคนอื่นที่ดูแล้วเหมาะสมกว่าก็ติชมมาได้เลยนะครับ ไม่ว่ากัน สุดท้ายแล้วคงต้องขอขอบคุณที่ติดตามนะครับ และขาดไม่ได้คือ ข้อมูลดี จาก Goal.com , 7m.cn , Youtube และ scoutnation ครับ ผิดพลาดประการได้ ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ครับ
***มองหาช่องทางสร้างได้อยู่ใช้มั้ย!! eliet-ssc เรามีระบบที่จะทำคุณประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่คลิ๊ก!!***
วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2558
ทีมชาติไทย
สวัสดีครับ ท่านผู้ที่รักและชื่นชอบ ฟุตบอลทุกท่าน ช่วงนี้คงเป็นช่วงที่แฟนบอลชาวไทยทุกคน มีความสุขกันมากๆ นะครับ เรียกว่ากีฬาฟุตบอลในบ้านเรากำลังเป็นที่นิยมแบบสุดๆ เพราะผลงานของทีมชาติไทยของเรา ไม่ว่าจะเป็น ฟุตบอลหญิง ฟุตบอลชาย นั้นดีเหลือเกิน นับว่าเป็นปีทองของบอลไทยจริงๆ ฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย พึ่งไปจารึกประวัติศาสตร์ เก็บชัยชนะเป็นครั้งแรก ในรายการ ฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก ที่ ประเทศ แคนนาดา โดย การเอาชนะ ไอเวอร์รี่โคสต์ ไปได้ ด้วยผลการแข่งขัน 3 : 2 เก็บสามแต้มแรกได้สำเร็จในฟุตบอลรายการนี้ ถือเป็นการบันทึกหน้าประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการฟุตบอลไทย นี่คือความสำเร็จก้าวแรกของเรา เป็นความภาคภูมิใจ ของคนทั้งชาติ คนไทยถ้าคิดจะทำอะไร ก็ไม่แพ้ชาติใดในโลก ผมต้องขอ ปรบมือให้กับความพยายาม ของพวกเธอจริงครับ
จากเรื่องของ ฟุตบอลหญิงกันแล้ว มาดูความสำเร็จของ ฟุตบอลชาย กันบ้าง ถึงแม้ว่าเรายังไม่ได้ไปฟุตบอลโลก แต่ก็นับว่าสร้างความสุขให้กับชาวไทยไม่น้อย คงต้องยกเครดิตให้กับ พี่ "ซิโก้"
และทีมงานทุกคน ที่ได้สร้างทีมชาติชุดนี้ขึ้นมา คิดว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว ถ้าเรารักษามาตราฐานของเราไว้ได้แบบนี้ อนาคตข้างหน้า บอลไทยต้องได้ไปบอลโลกแน่นอน เพราะในอาเซียนคิดว่าคงไม่มีทีมไหนดีพอจะสู้กับเราแล้ว สิ่งที่เราต้องก้าวข้ามไปอีกขั้น คือในระดับเอเชีย ซึ่งเรานับว่าเป็นรอง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อย่างมาก เพราะ ทั้งสองทีม เรียกว่าเป็นขาประจำใน ฟุตบอลโลก ไปแล้ว นอกจากนี้ยังมี ออสเตเรีย ,อิหร่าน และ ซาอุ ที่เราต้องผ่านให้ได้ ถึงจะมีสิทธิ์ ลุ้นเขาไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย
ในนัดแรกเราทำผลงานได้ดีพอสมควรเก็บสามแต้มในบ้านได้ในการพบกับเวียดนาม โดยเราชนะไป 1 : 0 ด้วยลูกยิงไกลของ ปกเกล้า อนันต์ แต่รูปเกมถือว่ายังไม่ขาด โดยเฉพาะในจังหวะจบสกอร์ของเรา ยังทำได้ไม่ดีพอ นั้นคือสิ่งที่เราต้องปรับปรุงในนัดต่อไป ก็คงต้องตามเชียร์ตามลุ้นกันต่อไปครับว่าผลสรุปสุดท้ายแล้วจะเป็นยังไง
ต่อไปเรามาพูดถึงทีมชุดเล็กกันบ้างครับ ในฟุตบอลซีเกมส์ ที่สิงคโปร์ ซึ่งทีมไทย สามารถเก็บชัยชนะได้ทุกนัดที่ลงแข่งขัน ซึ่งผมจะไม่ขอเล่าในรายละเอียดนะครับ แต่จะไม่พูดถึงเลยไม่ได้คือการที่เราต้องชิงแชมป์กลุ่มกับทีมคู่รักคู่แค้นในเวลานี้ นั่นก็คือ ทีมเวียดนาม ที่ดูจะมั่นอกมั่นใจเหลือเกินว่าจะสามารถเอาชนะเราได้ ในรายการนี้ ถือเป็นการล้างตาให้กับทีมชุดใหญ่ แต่แล้วทุกอย่างก็ไม่เกิดขึ้นเหมือนอย่างที่ตั้งใจไว้ และต้องผิดหวังซ้ำสอง ด้วยการแพ้ให้ทีมชาติไทย ไปด้วยสกอร์ 3 : 1 นัดนี้ทีมไทยจัดนักเตะลงแบบถนอมตัวพอสมควร โดยให้ตัวหลักได้พักบ้าง เพื่อการแข่งขันในนัดต่อไป หลังจากนี้คงต้องติดตามกันครับว่าทีมชาติไทยจะสามารถคว้าเหรียญทองมาครองได้สำเร็จหรือเปล่า
**มองหาช่องทางสร้างได้อยู่ใช้มั้ย!! eliet-ssc เรามีระบบที่จะทำคุณประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่คลิ๊ก!!
วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2558
เชือดนิ่มๆ
สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน จากที่ผมสัญญาไว้ว่าจะเขียนเกี่ยวกับเรื่องของทีม หงส์แดง ลิเวอร์พูล
ทีมโปรดของใครหลายคน ( รวมทั้งผม) ที่ทำผลงานได้น่าผิดหวังเหลือเกินในช่วงท้ายฤดูกาล ทั้งการแพ้ให้กับ แอสตัน วิลล่า ในรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลถ้วย FA Cup แพ้ให้กับ คริสตัล พาเลช นัดส่ง
เจอราร์ด ที่ แอนฟิวส์ และ พลาดท่า โดน สโต๊ค ซิตี้ ยำใหญ่ 6-0 ในนัดปิดท้ายฤดูกาล ทำให้เดอะค๊อป หลายๆคน เรียกร้องให้ ปลด BR ผู้จัดการทีม ซึ่งดูแล้วอาจไม่เหมาะกับ ทีมใหญ่อย่าง ลิเวอร์พูล และมีเสียงเรียกร้องให้นำ เจอร์เกน คล๊อปป์ ที่ลาออกจาก ดอร์ทมุน มาคุมทีมแทน แต่จนแล้วจนรอด BR ก็ยังได้อยู่คุมทีมต่อไป ในฤดูกาลหน้า หลังจากที่ทาง บอร์ดบริหารของทีมได้ เรียกให้ BR เข้าชี้แจงเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ซึงการตัดสินใจของบอร์ดบริหารครั้งนี้นับว่าขัดใจของแฟนบอลพอสมควร อาจจะด้วยเหตุผลหลายประการที่ทาง บอร์ดยังไม่ปลด BR ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ซับซ้อน และลึกซึ้งที่เหล่าแฟนบอลจะเข้าใจได้ มันต้องมีอะไร มากกว่าที่เราๆท่านๆ คิดไว้แนะนอน ผมลองนึกดูว่าจะมีเหตุผลอะไรที่พอจะเป็นไปได้ ที่ให้ BR คุมทีมต่อ ดังนี้
1. FSG ขี้เหนียว ไม่อยากจ่ายค่าชดเชย กรณีปลด BR
2. ไม่อยากผิดสัญญา ที่ให้ไว้ตอนที่นำ BR มาคุมทีมครั้งแรก
3. BR คุ้มค่าที่จะเสี่ยง (อีก 1 ปี) เพราะเขาคือคนที่ อยู่ตรงกลาง ระหว่าง ความสำเร็จ กับ ความล้มเหลว
(FSG ชอบปั้นพวกดาวรุ่ง)
4. ผลงานคุมทีมโดยรวม 3 ปี ตรงตามเป้าหมายที่ FSG กำหนดไว้ คือได้ไปเล่น ยูฟ่า แชมป์เปี้ยน ลีก
(อาจเป็นแผนงานที่กำหนดไว้)
5. FSG รอเวลาที่เหมาะสม (อาจจะมีสัญญาใจกับใครบางคน)
ในขณะที่แฟนบอลเริ่มมีความสงสัย ในตัว เจ้าของทีม คือ FSG ว่าตกลงแล้วคุณจะเอายังไงกันแน่กับทีมนี้ จะสร้างให้กลับมายิ่งใหญ่เหมือนเดิม หรือ หวังจะมากอบโกยเอากำไร เหมือนปลิงตัวก่อน กันแน่
( นักธุรกิจก็คงต้องหวังผลกำไร ) FSG ก็เริ่มทำในสิ่งทีไม่คาดคิด และไม่มีทีมฟุตบอลในยุโรปทีมใดทำมาก่อน คือการ ปลดโค้ชทีมชุดใหญ่ และ ผู้ช่วยผู้จัดการทีม จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามการเคลื่อนไหวในครั้งนี้นับว่ากดดัน BR เป็นอย่างมาก เพราะคนที่เขาร่วมงานด้วยมาตลอด 3 ปี เจอหน้ากันทุกเช้า ต้องมาจากไป คิดดูซิว่ามันจะหดหู่ขนาดไหน เหมือนเป็นการส่งสัญญานเตือนว่า ถ้าฤดูกาลหน้าไม่ดี คุณก็ต้องไปเช่นกัน (ไม่รู้กี่นัด) เป็นการเชือดไก่ให้ดู แต่เป็นการเชือดแบบนิ่มๆ โดยไม่ให้รู้ตัว เมื่อไม่มีคนที่ไว้ใจแล้ว BR จะทำยังไงต่อไป คนของตัวเองไม่มีเหลือแล้ว ต่อไปจะหันหน้าไปพึ่งใคร
หลังจากที่ FSG ได้นำทีมงานใหม่เข้ามา ทุกเกมจะเป็นเกมที่พิสูจน์ ให้เห็นว่า BR
""เป็นตัวจริง หรือ แค่นักแสดงแทน ""
วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
บทสรุป English premier league
สวัสดีครับ ผู้ที่รักฟุตบอลทุกท่าน ห่างหายไปนานครับ สำหรับการเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับฟุตบอลของผม เนื่องด้วยติดภารกิจที่ต้องรับผิดชอบบ้างอย่าง จึงไม่ค่อยมีเวลาได้เขียนบทความเลย จากหัวเรื่องที่ผมเกริ่นไว้ด้านบน เชื่อหลายคนคงจะทราบผลบ้างแล้วว่า ทีมไหนแชมป์ ทีมไหน ตกชั้น ทีมรักทีมเชียร์จบอันดับที่เท่าไหร่ คงมีทั้งสมหวัง และก็ผิดหวังกันไป นี่ละครับเสน์ห์ของกีฬาฟุตบอล ต่อไปผมจะขอสรุปในภาพรวมให้ทุกท่านได้ทราบกันอีกครั้ง ลองติดตามกันว่า จะถูกใจ พอใจ ท่านผู้อ่านมาก
ขนาดไหน ไปกันเลยครับ



## อันดับดาบซัลโว ##
1. เซอร์จิโอ อกูเอโร ( แมนซิตี้ ) = 26 ประตู
2. แฮร์รี่ เคน ( สเปอร์ ) = 21 ประตู
3. ดีเอโก้ คอสต้า ( เชลซี ) = 20 ประตู
1. โจว์ ฮาร์ท ( แมนซิตี้) 14 คลีนชีท
2. ฟาร์เบียนสกี้ ( สวอนซี ซิตี้ ) 13 คลีนชีท
3. เฟซี่ร์ ฟอสเตอร์ ( เซาแธมป์ตัน ) , ไซม่อน มิโญเล่ญ์ ( ลิเวอร์พูล ) 12 คลีนชีท

4.*** นักฟูตบอลยอดเยี่ยมสมาคมผู้สื่อข่าวอังกฤษ ***
*** เอเดน อาร์ซาร์ ( เชลซี ) ***
5.*** ดาวรุ่งยอดเยี่ยม PFA ***
*** แฮร์รี่ เคน ( สเปอร์ ) ***
คงจะได้รับทราบข้อมูลกันพอสมควรแล้วนะครับ สำหรับอันดับ และ รางวัล ต่างๆ ของการแข่งขัน ฟุตบอล บาร์เคลส พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำฤดูกาล 2014 - 2015 หลังจากห่ำหันกันมาตลอดทั้งปี
รวม 38 นัด สำหรับทุกทีม หลังจากนี้ไปก็คงต้องติดตามข่าวสาร เรื่องของการ ซื้อขายนักเตะ และการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงทีม ของแต่ละทีม ว่า จะไปทิศทางไหน โดยเฉพาะทีม ใหญ่ๆ อย่าง แมนซิตี้ และ ลิเวอร์พูล ซึ่งทำผลงานได้น่าผิดหวัง คงต้องมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างอย่าง โดยเฉพาะในเรื่องของตัว ผู้จัดการทีม แฟนๆ คงต้องลุ้นกันว่าใครจะมาใครจะไป ส่วนทีมใหญ่ทีมอื่น อย่าง เชลซี ,อาร์เซน่อล และ แมนยู นั้น คงจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร มาก นอกจากการเสริมตัวผู้เล่นใหม่ๆ เข้ามาในทีม เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับทีมมากขึ้น เพิ่มศักยภาพในการลุ้นแชมป์ให้กับทีมของตัวเอง คงต้องตามลุ้นตามเชียร์กันต่อไป
ในบทความหน้า ผมจะแสดงทัศนะเกี่ยวกับทีม หงส์แดง ลิเวอร์พูล ว่าจะไปในทิศทางใหน หลังจากทำผลงานได้ไม่ดีนัก พลาดการเข้าชิงชนะเลิศ ฟุตบอลถ้วย FA Cup และ พลาดตั๋วใบสุดท้ายไปเล่น ฟุตบอล EAFA Champions league เหล่า The Kops คอยติดตามกันนะครับ
ขอบคุณที่ติดตามครับ
ขนาดไหน ไปกันเลยครับ
สรุปอันดับ ตารางคะแนน
*** ทีม แชมป์ ***
*** รอง แชมป์ ***
*** ตกชั้น ***

*** เลื่อนชั้น ***
![]() |
*** Champion league ***


*** Europa league ***
## อันดับดาบซัลโว ##
1. เซอร์จิโอ อกูเอโร ( แมนซิตี้ ) = 26 ประตู
2. แฮร์รี่ เคน ( สเปอร์ ) = 21 ประตู
3. ดีเอโก้ คอสต้า ( เชลซี ) = 20 ประตู
## ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม ประจำฤดูกาล 2014 - 2015 ##
1. โจว์ ฮาร์ท ( แมนซิตี้) 14 คลีนชีท
2. ฟาร์เบียนสกี้ ( สวอนซี ซิตี้ ) 13 คลีนชีท
3. เฟซี่ร์ ฟอสเตอร์ ( เซาแธมป์ตัน ) , ไซม่อน มิโญเล่ญ์ ( ลิเวอร์พูล ) 12 คลีนชีท

### รางวัลต่างๆ ###
1.*** ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยม ประจำฤดูกาล ***
** โฆเซ่ มูรินโญ่**
2.*** นักฟุตบอลยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล ***
3.*** นักฟุตบอลยอดเยี่ยม PFA *** 4.*** นักฟูตบอลยอดเยี่ยมสมาคมผู้สื่อข่าวอังกฤษ ***
*** เอเดน อาร์ซาร์ ( เชลซี ) ***
5.*** ดาวรุ่งยอดเยี่ยม PFA ***
*** แฮร์รี่ เคน ( สเปอร์ ) ***
***** ทีมยอดเยี่ยม *****
รวม 38 นัด สำหรับทุกทีม หลังจากนี้ไปก็คงต้องติดตามข่าวสาร เรื่องของการ ซื้อขายนักเตะ และการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงทีม ของแต่ละทีม ว่า จะไปทิศทางไหน โดยเฉพาะทีม ใหญ่ๆ อย่าง แมนซิตี้ และ ลิเวอร์พูล ซึ่งทำผลงานได้น่าผิดหวัง คงต้องมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างอย่าง โดยเฉพาะในเรื่องของตัว ผู้จัดการทีม แฟนๆ คงต้องลุ้นกันว่าใครจะมาใครจะไป ส่วนทีมใหญ่ทีมอื่น อย่าง เชลซี ,อาร์เซน่อล และ แมนยู นั้น คงจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร มาก นอกจากการเสริมตัวผู้เล่นใหม่ๆ เข้ามาในทีม เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับทีมมากขึ้น เพิ่มศักยภาพในการลุ้นแชมป์ให้กับทีมของตัวเอง คงต้องตามลุ้นตามเชียร์กันต่อไป
ในบทความหน้า ผมจะแสดงทัศนะเกี่ยวกับทีม หงส์แดง ลิเวอร์พูล ว่าจะไปในทิศทางใหน หลังจากทำผลงานได้ไม่ดีนัก พลาดการเข้าชิงชนะเลิศ ฟุตบอลถ้วย FA Cup และ พลาดตั๋วใบสุดท้ายไปเล่น ฟุตบอล EAFA Champions league เหล่า The Kops คอยติดตามกันนะครับ
ขอบคุณที่ติดตามครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)