อย่างที่เรารู้กันนะครับ ว่าตั้งแต่ ขั้นปีใหม่มา ทีม ลิเวอร์พูล ทำผลงานได้ไม่ดีเอาเสียเลย ชนะแค่นัดเดียว ในบรรดา เกมทั้งหมด 6 นัด คือการเอาชนะ สเปอร์ ด้วยผล 2-0 การเล่นกับทีมใหญ่ ไม่ใช่ปัญหาของลิเวอร์พูล มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็น ผจก.ทีม หงส์แดงมักจะทำได้ดี ในการเล่นกับทีมใหญ่ แต่ของแสลงของ ลิเวอร์พูล คือ บรรดาทีม เล็กๆ กลางตารางถึงท้ายตาราง เป็นทีมที่พวกทีม ใหญ่ๆ เขาไม่ค่อยแพ้กัน แต่ลิเวอร์พูล กลับแพ้ ได้อย่างง่ายดาย ทุกครั้งที่ทีมเล็ก เล่นกับลิเวอร์พูล ดูเหมือนจะมีความหึกเหิมเป็นพิเศษ....เท่าที่ผมติดตามมา บางนัด ลิเวอร์พูล ไม่ได้เล่นแย่ อะไร ทำเกม ครองเกม ได้ตลอด แต่ทีมพวกนี้ เหมือนโดนผีเข้า ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ไล่กดไล่บี้ตลอด และ เหมือนกับมีมหาอุด ยิงยังไงก็ยิงไม่เข้า โดยเฉพาะตำแหน่ง ผู้รักษาตู้ จะมีความเก่ง เป็นพิเศษ ถ้าเล่นกับ หงส์แดง พอไม่สามารถ ทำประตูได้ ผลที่ตามมาคือการโดนคู่แข่ง โต้กลับ แล้วเสียประตู ส่วนใหญ่จะเป็นแบบนี้ ผมลองตั้งคำถาม...ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ เกิดอะไรขึ้นกับลิเวอร์พูล ทั้งที่ตอนต้น ฤดูกาล ทำผลงานได้ดี ตบเด็ก ได้ตลอด แต่พอเปลี่ยน พ.ศ. มาปุ๊ป ทีมกลับลงเหว มาดูบทวิเคราะห็ กันแบบที่ละข้อครับ
1.ตัวผู้เล่น
*การขายหาย ของ ซาดิโอ มาเน่ ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของฤดูกาล ซึ่งทีมกำลังมีสมดุลในเกม แล้วต้องมาเสีย ซาดิโอ ในการไปเล่นให้กับทีมชาติ ทำให้ ผจก.ต้องปรับเปลี่ยนแผนใหม่เผื่อให้เข้ากับนักเตะ ที่มีอยู่ โดย การโยก เอา อดัม ลาลานา ไปเล่นแทน ซึ่งเขากำลังเล่นได้ดีในตำแหน่ง กองกลาง ซึ่งเขาเล่นร่วม กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ได้เป็นอย่างดี เรียกว่า มองตารู้ใจ แต่พอเปลี่ยนตำแหน่งกันใหม่ ก็เหมือนกับ ต้องมาเริ่มต้นปรับกันใหม่ ทำให้ขาดความลื่นไหลในเกม
*คูตี้ เจ็บ เช่นเดียวกับ ซาดิโอ การได้รับบาดเจ็บแบบสิ้นคิด ของ คูตี้ ส่งผลกระทบกับทีมอย่างมาก เพราะ คูตี้ กำลังอยู่ในช่วงที่ ท็อปฟอร์มสุดๆ การยิงประตู และ การจ่ายบอล ที่เฉียบคม (Killer pass) ทำให้ทีมได้เปรียบ และสามารถทำประตูได้ แต่หลังจากที่ เขาหายจากการบาดเจ็บกลับมา ยังไม่สามารถเรียกฟอร์มเดิมกลับมาได้เลย
*ไวนัลดุม และ ชาน ยังไม่ใช้ สิ่งที่ลิเวอร์พูล มองหา กองกลาง ทั้งสองคนนี้ ยังต้องพัฒนาอีกมาก โดยเฉพาะในรายของ เจ้ากระป๋อง เอ็มเร ชาน ซึ่งตอนย้ายมาใหม่ๆ ดูเหมือนจะมีอนาคตไกล แต่เล่นไปเรื่อยๆ ยังทำได้ไม่ดี การเล่นของเขา ดูจะขัดกับสไตล์ของ ลิเวอร์พูล เขาชอบดึงจังหวะช้า ในตอนที่ทีมกำลังเร่งสปีดเกม เพื่อกดดันคู่ต่อสู่ การฝืนเล่น จนทำให้เสียบอล บ่อยครั้ง การเข้าบอล ดูโฉ่งฉาง ไม่แน่น เขายังคงต้องพัฒนาตัวเองอีกมาก หากอยากจะแย่งตำแหน่งตัวจริงในทีม ลิเวอร์พูล
-ไวนัลดุม ในทัศนะของผม คิดว่าเขาเป็นผู้เล่นที่มีศักยภาพคนหนึ่ง แต่ยังไปไม่ถึงจุดพีคของตัวเองเท่านั้น การครองบอล ความขยัน การสอดขึ้นไปทำประตู ดูจะเป็นจุดเด่นของเขา แต่สิ่งที่เขาต้องปรับปรุง คือการจ่ายบอล จังหวะการเล่น และ การทำประตูต้องที่เฉียบคม เขาเองยังต้องปรับตัวกับทีมใหม่อยู่ เพราะแรกๆ ไม่ค่อยได้โอกาสลงเล่น ซักเท่าไหร่ แต่เมื่อเขาได้โอกาสแล้วต้องพยายามทำให้ดีกว่านี้
*มาติป และ ลูคัส สองสามเกมที่ผ่านมา 2 คนได้ยืนคู่กัน เพราะ ลอร์ฟเรน ดันมาเจ็บเอาช่วงเวลาที่สำคับ ขยันเจ็บกันจริงๆ ช่วงนี้5555 อย่างที่ทราบกันว่า ลูคัส เขาเป็นกองกลางไม่ใช้กองหลัง แต่โดนจับมาเล่นกองหลัง ทำให้เขาไม่ถนัด และมีความกดดันในการเล่นพอสมควร เพราะกองกลางกับกองหลังนั้นต่างกันตรงที่ กองกลางทำพลาดยังมีโอกาส แก้ตัวได้ แต่ถ้าเป็นกองหลังหากทำพลาดคือ โอกาสเสียประตู ด้วยตัวเขาเองไม่ใช่คนที่มีความเร็ว แล้วต้องมาจับคู่กับ มาติป ซึ่งก็ช้าเหมือนกัน พอ ช้า + ช้า ก็บรรลัยละครับงานนี้ *มาติป ดูจะโดนเด่นไม่น้อยในช่วงแรก แต่ด้วยอาการบาดเจ็บ อีกแล้วมารบกวนทำให้ฟอร์ม ที่เคยเด่นๆ ตกฮวบ หลุดง่าย สกัดไม่ค่อยดี ฟอร์มหลังเริ่มเป๋ เหมือนกัน
*มิโญเล่ , คาริอุส ตำแหน่ง ผู้รักษาประตู ดูจะเป็นปัญหาใหญ่ของ ลิเวอร์พูล มาตลอด เช่นเดียวกับ ตำแหน่งกองหลัง หากจะว่าไปแล้ว มินนี่ ก็มีส่วนช่วยให้ทีม ชนะในหลายๆเกม ด้วยการเซฟลูกยาก ให้ทีม ซึ่งเป็นจุดเด่นของเขา แต่สิ่งที่เขาขาดคือ การอ่านเกม ,การออกมาตัดบอล และ การเล่นลูกกลางอากาศ ถ้าคู่แข่งได้โยนบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษของลิเวอร์พูลได้เมื่อไหร่ จะต้องมีเสียวกันทุกรอบ ส่วนหนึ่งมาจาก มินนี่ ที่ไม่กล้าออกมาเล่นในจังหวะสำคัญๆ ปัญหาความสม่ำเสมอในเล่น เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับตำแหน่ง ผู้รักษาประตู เพราะมันคือ ปราการด้านสุดท้าย ของทีม ถ้าผู้รักษาประตูมีความแน่นอน มีความนิ่งในการเล่น ทั้งทีม ก็สบายใจ และ รู้สึกปลอดภัย แต่ถ้า ผู้รักษาประตู ออกทะเล ออกลูกเหว๋อ เมื่อไหร่ นั้นละคือหายนะ
2.แผนการเล่น เป็นเรื่องที่สอง ที่ผมจะยกมาพูดถึง แผนของคล๊อป คือการเพรสซิ่งสูง แน่นอนการเล่นแบบเพรสซิ่ง ต้องใช้แรงอย่างมาก เพราะผู้เล่นต้องวิ่งตลอด ถ้าใครไม่ฟิตจริง มีหวังเดี้ยงกันไปตามกัน การไล่เพรสซิ่งสูง ทำให้คู่แข่งกดดันก็จริง แต่ก็เปิดพื้นที่ด้านหลังไว้มาก ถ้าเจอกับทีมที่มาตั้งรับต่ำแล้วโต้กลับเร็ว ลิเวอร์พูล จะเจอปัญหาทุกครั้ง ทุกทีมที่ชนะ ลิเวอร์พูลได้ จะเล่นแบบนี้ทั้งนั้น สังเกตุดูได้เลย พวกเขา จะทิ้ง กองหน้าที่มีความเร็ว ไว้หนึ่งตัว พอได้บอลจาก ลิเวอร์พูล ก็จะจ่ายไปที่ว่างให้กองหน้าวิ่งไปรับบอล แล้วเอาไปยิงประตู สูตรนี้ใช้ได้ผลมากกับ ลิเวอร์พูล ซึ่งคล็อป เอง ก็ยังแก้ไม่ได้ในจุดนี้
3.สภาพจิตใจ ผมเชื่อว่า สภาพจิตใจ มีส่วนสำคัญอย่างมากในเกมฟุตบอล มันเป็นปัจจัยที่สามารถตัดสินได้ว่า จะให้ทีม ชนะหรือไม่ชนะ เรื่องสภาพทีม และ ตัวผู้เล่น อาจเป็นปัจจัยหนึ่ง แต่หลายท่านเคยสงสัยมั้ย ว่าทำไม่ บางทีทีมเล็กๆ และอ่อนชั้นกว่า จึงสามารถ พลิกสถานณ์เอาชนะที่ที่ใหญ่กว่าได้ ทำไม เชลซี ,แมน ยู จึงสามารถ เอาชนะทีมเล็กๆ ได้เป็นประจำ ทั้งที่บางทีทีมก็ไม่พร้อม ผมจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพ นะครับ นึกถึงตอนที่เราเป็นเด็ก แล้วมีรุ่นพี่ที่เป็นนักเลง ในโรงเรียน มาหาเรื่อง นั้นแหละครับ เราที่เป็นเด็กใหม่ตัวเล็ก กลัวซิหาย...(แต่สมัยนี้ยังไงไม่รู้นะ555) ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้ากลัวเขาว่าหาเรื่องเขา ก็เหมือนกันครับ ทีมอย่าง แมน ยู ,เชลซี ก็เหมือนนักเลงใหญ่ในโรงเรียนน้ันแหละ แค่ได้ยินชื่อ ก็กลัวขี้หดตดหายแล้ว เพราะทีมเหล่านี้ เขาได้สร้างบารมี เอาไว้เยอะ ทำให้ทีมที่ต่อกลอนด้วย แค่เห็นก็ใจฝ่อแล้ว พอใจฝ่อ ก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว แผนการที่ ผจก.วางมาต่อให้ดีแค่ไหน ถ้าผู้เล่นเอาไปใช้ไม่ได้ก็เปล่าประโยชน์ ลิเวอร์พูล ยังมีบารมีไม่มากพอ ถึงจะเคยสร้างเกียรติประวัติไว้มากมาย แต่นั้นมันในอดีตแล้ว ปัจจุบันยังไม่มีความสำเร็จอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ลิเวอร์พูลต้องยอมรับว่ายังเป็นทีมที่อยู่ในระดับกลางๆ ยังไม่ใช้ทีมชั้นนำ ถ้าดูจากสภาพทีม ตัวผู้เล่น งบประมาณ ยังห่างชั้นกันคู่แข่งอย่างมาก ทีมเล็กๆ ที่ต้องเล่นกับ ลิเวอร์พูล จึงไม่กลัว และ กล้าที่จะเล่นในเกมของตัวเอง
4.การเสริมทีม สไตล์ การทำทีม ของ เจอร์เก็น คล็อป นั้นเน้นไปที่การสร้างทีมในระยะยาว ตัวเขาเองนั้นชื่นชอบที่จะปั้นเด็กมาใช้งาน มากกว่าการซื้อ ซุปตาร์ เข้ามา เราจึงไม่ค่อยเห็นเหล่าซุปตาร์มาอวดโฉมใน แอนฟิวส์ เท่าไหร่ ทั้งที่ ตัวเขาเองมีชื่อเสียงพอที่จะดึงดูดนักเตะเหล่านั้นได้ไม่ยาก อาจเป็นเพราะตัวเขา เองที่มั่นใจในตัวนักเตะที่มีอยู่ จึงไม่ซื้อใครเขามาเพิ่ม ทำให้เมื่อมีนักเตะบาดเจ็บเยอะๆ จึงขาดนักเตะที่จะสามารถทดแทนกันได้
5.การฝึกซ้อม อันหนักหน่วง การฝึกซ้อม ของ ผจก.ทีมชาวเยอรมัน เป็นที่รู้กันว่า มีคามเข้มข้น เพราะด้วยสไตล์การทำทีม ที่แน่นเพรสซิ่ง นักเตะจำเป็นต้องมีความฟิตอยู่ตลอดเวลา แต่ด้วยการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น นักเตะที่มียังไม่สามารถพร้อมรับมือ กับสไตล์แบบนี้ ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บ กับนักเตะหลายคนอยุ่บ่อยครั้ง ท่าน เซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสัน เคยวิจารณ์สไตล์ ของ คล็อป ว่านักเตะจะสามารถวิ่งไล่บอลได้ไปจนถึงท้ายฤดูกาลรึเปล่า คล็อป อาจจะเคยทำสำเร็จ ที่ เยอรมัน แต่ เยอรมัน ไม่เหมือนกับอังกฤษ เพราะ ที่เยอรมัน มีการพักเบรกหนีหนาว แต่ สำหรับ อังกฤษ นั้นไม่มีการพัก มีแต่โปรแกรมการเตะ ที่ชุกเหมือน กับ ฝน การบริหารทรัพย์กรนักเตะของทีมจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก
6.ผู้จัดการทีม ถ้าเอ่ย ถึง ชื่อ ของ เจอร์เก็น คล็อป (JK) คงไม่มีใครไม่รู้จัก และสงสัยในความสามารถของเขา เพราะ การฉุด ทีม ดอร์ทมุน ขึ้นจากปากเหว ให้มาอยู่บนจุดสูงสุด ของฟุตบอลเยอรมัน ได้นั้นไม่ใช้เรื่องง่ายเลย เขาต้องผ่าน ทีม พญามัจจุราช อย่าง บาร์เยิร์น ค่อยขว้างกันความสำเร็จอยู่ แต่นั้นคือความสำเร็จในอดีต ซึ่งไม่สามารถ การันตี ความสำเร็จในปัจจุบันได้ อย่างที่ทราบกันไปในหัวข้อที่ผ่านมาว่า สไตล์การทำทีมของ คล็อป นั้น เน้นในเรื่องของการสร้างทีมในระยะยาว การปั้นเหล่าดาวรุ่ง ให้เป็นกำลังหลักของทีมต่อไป เขาเป็น ผจก.ทีม ที่มีส่วนร่วมกับทีม ในทุกบทบาท อารมณ์ และ ความรู้สึก เต็มเปี่ยมด้วยพลัง แต่ก็ใช้ว่าจะไม่มีข้อเสียเลย ข้อเสีย ของ คล็อป ในความคิดผม คือ เขาเป็นคนที่มี EGO มากพอสมควร จนบ้างครั้งอาจลืมนึกถึงภาพรวมของทีม ดูได้จาก กรณี ของ มามาดู ซาโก้ ที่ถูกเขาจับดองเค็ม เนื่องจาก พฤติกรรม ที่ขี้เล่นเกินกว่าเหตุ ของเจ้าหมอนี่ และการที่เขายึดหลักไม่ยอมเสริมนักเตะในช่วงตลาดเปิดเดือนมกราคม การดึงดัน ใช้ มิลเนอร์ และ ลูคัส มาเล่นในตำแหน่งกองหลัง ซึ่งดูยังไงแล้วก็ไม่ Work เพราะมันฝืนธรรมชาติของนักเตะ มิลเนอร์ เคยให้สัมภาษณ์ว่า เขาไม่ได้ชื่นชอบในตำแหน่งแบ็คซ้ายเลย ตำแหน่งที่เขาอย่างจะเล่นที่สุดคือ ตำแหน่งในแดนกลาง แต่หากเป็นความต้องการของ ผจก.ทีม เขาก็สามารถที่จะเล่นได้ในทุกตำแหน่งเพื่อทีม การฝืนใช้นักเตะผิดตำแหน่ง มันเป็นการลดศักยภาพของนักเตะ ทางอ้อม เพราะเขาไม่สามารถแสดงความสามารถออกมาได้อย่างเต็มที่ ถูกจำกัดด้วยแผนการเล่น การเล่นจึงไม่เป็นธรรมชาติ แรกๆ มิลเนอร์ ก็ดูเหมือนจะทำได้ดีในตำแหน่งใหม่ แต่พอเล่นไปได้ระยะหนึ่ง ก็เริ่มจะแสดงความผิดพลาดให้เห็น การเติมเกมสูง แล้วลงไม่ทัน เป็นปัญหาสำหรับมิลเนอร์ หาก คล็อป ต้องการที่จะเห็นทีมที่เขาปลุกปั้นพัฒนามากขึ้นกว่านี้ บางที่เขาอาจคงต้องยอมลด EGO ของเขาลงบ้าง แล้วเริ่มแก้ไข ให้ถูกจุด เสียที "อย่าปล่อยให้ความหวัง ของเหล่า The Kops เป็นเพียงแค่ความฝัน ลมๆ แล้ง" เหมือนอย่างที่ผ่านมา
ทั้ง 6 ข้อที่กล่าวมา เป็นความคิดเห็นของผม นะครับ ส่วนใครที่จะเห็นต่างไปกว่านี้ก็ไม่ว่ากัน........หากลิเวอร์พูล ต้องการที่จะประสบความสำเร็จ ต้องมีการเปลียนแปลงอะไรบางอย่าง ผมมองว่า คุณภาพของนักเตะ เป็นเรืองสำคับอันดับแรก ที่จะต้องเปลี่ยนแปลงในฤดูกาลหน้า เพราะศักยภาพ นักเตะที่มีอยู่ไม่สามารถ แข่งขันกับเหล่าบรรดา ทีม เสือ สิงห์ กระทิง แรด ใน พรีเมียร์ลีก ได้เลย เทียบ ปอนด์ต่อปอนด์ แพ้ตั้งแต่ในมุง ในปัจจุบัน นี้แทบไม่มีนักเตะ คนใด ที่เข้าใกล้ คำว่า World class เลย ตั้งแต่ หลุยส์ ซัวเรส เก็บกระเป๋าย้ายออกไป ยังไงก็ฝากแฟนๆ หงส์ ติดตามกันต่อไป อย่าพึ่งท้อแล้วทิ้งกันไปไหนนะครับ
#You will Never walk alone
#ขอบคุณที่ติดตาม
#Pairoj13
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น